คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3366/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทดแทนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1439,1440
การกำหนดค่าทดแทนความเสียหายต่อกายและชื่อเสียงของโจทก์นั้นต้องพิเคราะห์ถึงการศึกษาอาชีพและรายได้ของโจทก์ฐานะของครอบครัวของโจทก์และการที่โจทก์เป็นหญิงมาอยู่กินกับจำเลยจน มีบุตรแต่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนสมรสทำให้โจทก์ได้รับความอับอายเสียชื่อเสียงทั้งเป็นการยากที่จะทำการสมรสใหม่
ก่อนรับหมั้นจำเลย โจทก์ทำงานอยู่บริษัทฯ เมื่อแต่งงานแล้วโจทก์ได้ลาออกจากงานเพื่อมาช่วยงานบ้านจำเลยถือได้ว่าโจทก์ได้จัดการเกี่ยวกับอาชีพโดยสมควรด้วยการคาดหมายว่าจะได้มีการสมรสเมื่อจำเลยไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าทดแทนความเสียหายส่วนนี้ได้แต่ต่อมาโจทก์ได้เข้าทำงานใหม่แม้จะลาออกจากงานอีกครั้งหนึ่งก็มิใช่ด้วยการคาดหมายว่าจะได้มีการสมรสเพราะในระยะนั้นทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันอย่างรุนแรงจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่อาจจะจดทะเบียนสมรสกันได้แน่นอน โจทก์จึงเรียกไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยได้หมั้นกันโดยสัญญาว่าจะไปจดทะเบียนสมรสกันให้ถูกต้องตามกฎหมาย ต่อมาโจทก์จำเลยได้แต่งงานและอยู่กินร่วมกันตลอดระยะเวลาที่อยู่ร่วมกัน โจทก์ได้ขอร้องให้จำเลยไปจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ จำเลยอ้างว่ายังไม่มีเวลาและขอผัดผ่อนเรื่อยมา ต่อมาโจทก์คลอดบุตรซึ่งเกิดจากจำเลย โจทก์ขอร้องให้จำเลยไปจดทะเบียนสมรสกับโจทก์อีก แต่จำเลยก็เพิกเฉย การกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาหมั้นทำให้โจทก์ต้องอับอายได้รับความเสียหายทั้งทางกายและจิตใจ และเสียหายต่อชื่อเสียงของโจทก์และครอบครัว โจทก์ขอเรียกค่าเสียหายในข้อนี้ 300,000บาท ขณะจำเลยไปสู่ขอและหมั้นกับโจทก์ โจทก์ทำงานอยู่ที่บริษัทแฟร์เท็กซ์การ์เมนท์ จำกัด ต่อมาโจทก์ได้ลาออกจากงานโดยมุ่งหวังจะช่วยจำเลยทำมาค้าขายและเพื่อความอบอุ่นในครอบครัว ทำให้โจทก์ขาดผลประโยชน์รายได้ ขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน 54,000 บาท จำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในค่าเลี้ยงดูบุตร ขอคิดเดือนละ 3,000 บาท จนกว่าบุตรจะบรรลุนิติภาวะ โจทก์ได้ซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ เพื่อใช้ในการสมรสเป็นเงิน34,000 บาท ทรัพย์ดังกล่าวขณะนี้อยู่ที่บ้านจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนให้และจำเลยขอยืมเงินส่วนตัวโจทก์ไป 40,000 บาท จำเลยยังไม่ยอมใช้คืนขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินดังกล่าวให้โจทก์

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้หมั้นและสมรสตามประเพณีกับโจทก์จนกระทั่งมีบุตร 1 คน เหตุที่โจทก์จำเลยอยู่กินด้วยกันไม่ได้ก็เพราะหลังจากโจทก์คลอดบุตรแล้วพี่สาวโจทก์กับมารดาโจทก์ได้ยุแหย่ให้เกิดความแตกร้าวในครอบครัวโจทก์ได้หลบหนีออกจากบ้าน จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยไม่เคยยืมเงินโจทก์เงิน 40,000 บาท คือค่าสินสอดที่ทั้งสองฝ่ายได้ออกสมทบเป็นทุนตามประเพณี ในระยะที่โจทก์ตั้งท้องและคลอดบุตรก็ได้ใช้สอยร่วมกันไปบ้าง เหลืออยู่ประมาณ 8,000 บาท โจทก์ได้นำติดตัวไปเมื่อครั้งออกจากบ้าน โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรเพราะโจทก์ไม่มีอำนาจปกครองบุตร การกระทำของโจทก์ทำให้จำเลยได้รับความอับอายเสียชื่อเสียงขอคิดจากโจทก์ 100,000 บาท จำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเตรียมงานสมรส335,000 บาท ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์ส่งบุตรมาอยู่ในอำนาจปกครองของจำเลยกับให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ก่อนออกจากบ้านจำเลย โจทก์ไม่ได้เอาทรัพย์สินของจำเลยติดตัวไปแต่อย่างใด คำขอของจำเลยที่ขอให้บุตรอยู่ในความปกครองของจำเลยขัดกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 จำเลยไม่ได้เสียชื่อเสียงค่าใช้จ่ายในการเตรียมการสมรสสูงกว่าความเป็นจริงหลายเท่าตัว โจทก์ไม่ต้องรับผิดเพราะจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้น ฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุม

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าทดแทนฐานผิดสัญญาหมั้นเป็นเงิน 231,700 บาท ให้จำเลยคืนทรัพย์อันดับ 1-6 ตามฟ้องให้โจทก์หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคารวม 29,300 บาท แก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทดแทนได้ตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1439, 1440 ค่าทดแทนความเสียหายต่อกายและชื่อเสียงของโจทก์นั้น ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้โจทก์โดยพิเคราะห์ถึงการศึกษา อาชีพและรายได้ของโจทก์ ฐานะของครอบครัวของโจทก์และการที่โจทก์เป็นหญิงมาอยู่กินกับจำเลยจนมีบุตร แต่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนสมรสด้วยโจทก์ต้องได้รับความอับอายเสียชื่อเสียงทั้งเป็นการยากที่จะสมรสใหม่และตามประเพณีจีนหญิงที่แต่งงาน 2 ครั้ง ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากจึงกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน 200,000 บาท นับว่าเหมาะสมแล้ว

ส่วนค่าทดแทนความเสียหายเนื่องจากการที่โจทก์ได้จัดการเกี่ยวกับอาชีพโดยคาดหมายว่าจะได้มีการสมรสนั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าก่อนรับหมั้นจำเลย โจทก์ทำงานอยู่ที่บริษัทแฟร์เท็กซ์การ์เมนท์ จำกัด เมื่อแต่งงานกับจำเลยแล้วประมาณ 1 เดือนเศษ โจทก์ได้ลาออกจากงานเพื่อมาช่วยงานบ้านจำเลย ถือได้ว่าโจทก์ได้จัดการเกี่ยวกับอาชีพโดยสมควรด้วยการคาดหมายว่าจะได้มีการสมรส เมื่อจำเลยไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับโจทก์โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าทดแทนความเสียหายในส่วนนี้ได้ ส่วนระยะเวลาหลังจากโจทก์ได้เข้าทำงานใหม่แล้วย่อมไม่มีเหตุที่จะกำหนดค่าทดแทนให้อีก แม้โจทก์จะลาออกจากงานอีกครั้งหนึ่งก็มิใช่ด้วยการคาดหมายว่าจะได้มีการสมรส เพราะในระยะนั้นทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันอย่างรุนแรงจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่อาจจะจดทะเบียนสมรสกันได้อย่างแน่นอน

สรุปแล้ว จำเลยจะต้องรับผิดใช้ค่าทดแทนให้โจทก์คือค่าทดแทนความเสียหายต่อกายและชื่อเสียงของโจทก์ 200,000 บาท ค่าทดแทนเนื่องจากการเตรียมการสมรส 4,700 บาท และค่าทดแทนความเสียหายเนื่องจากการที่โจทก์จัดการเกี่ยวกับอาชีพโดยคาดหมายว่าจะได้มีการสมรส14,567 บาท

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน 219,267 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share