คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 สลักหลังแล้วมอบให้ ช. พนักงานของจำเลยที่ 2 นำไปขายลดแก่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ช. นำเช็คพิพาทไปเสนอต่อบริษัทโจทก์แล้วบอกแก่พนักงานของโจทก์ว่า จะออกไปข้างนอกสักครู่แล้วจะกลับมารับเงินค่าขายลดเช็ค ระหว่างนั้นมีผู้ปลอมตัวแต่งเครื่องแบบเป็นพนักงานของจำเลยที่ 2 นำดอกเบี้ยค่าขายลดเช็คมาชำระและขอรับเงินค่าขายลดเช็ค เมื่อ ช. กลับมาที่บริษัทโจทก์ปรากฏว่าโจทก์มอบเช็คค่าขายลดเช็คให้แก่บุคคลผู้นั้นไปและมีผู้นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินไปแล้ว ดังนี้โจทก์ขาดความระมัดระวังเช่นบุคคลผู้ประกอบธุรกิจการเงินจะต้องใช้ความระมัดระวัง เป็นผู้ผิดในการชำระหนี้ค่าขายลดเช็คพิพาทให้แก่ผู้ไม่มีอำนาจรับ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าขายลดเช็คให้แก่จำเลยที่ 2 ไปแล้ว การขายลดเช็คพิพาทไม่สมบูรณ์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทเพราะจำเลยที่ 1 แจ้งอายัดไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้เงินตามเช็คนั้น
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวน 83,400 บาทซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงชื่อสั่งจ่าย จำเลยที่ 3 ในฐานะส่วนตัวและในฐานะของกรรมการบริษัทจำเลยที่ 2 ได้ลงชื่อเป็นผู้สลักหลังและประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 2 ที่เช็ค เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้นำเข้าบัญชีที่ธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยแจ้งว่า”มีคำสั่งระงับการจ่าย” โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์แต่จำเลยทั้งสามไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงินตามเช็คและดอกเบี้ย 92,261.25 บาทแก่โจทก์ กับให้ใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีในต้นเงิน 83,400 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ

จำเลยที่ 1 ให้การว่า ได้สั่งจ่ายเช็คตามฟ้องให้บริษัทจำเลยที่ 2เพื่อชำระหนี้ จำเลยที่ 1 ได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 ได้นำไปขายลดเช็คแก่บริษัทโจทก์ แต่ด้วยความประมาทเลินเล่อของโจทก์และเจตนาทุจริตต้องการฉ้อฉลจำเลยที่ 2 โจทก์ได้จ่ายเงินค่าลดเช็คแก่บุคคลอื่นไป จำเลยที่ 2 จึงสั่งจำเลยที่ 1 อายัดเช็คดังกล่าว จำเลยที่ 1ได้กระทำไปโดยสุจริต จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์และไม่ต้องรับผิดในค่าดอกเบี้ย

จำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การว่า โจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยที่ 2 มอบเช็คให้ลูกจ้างนำไปขายลดเช็คแก่โจทก์ แต่ด้วยความเลินเล่อของโจทก์และด้วยเจตนาทุจริตต้องการฉ้อฉลจำเลยที่ 2 โจทก์อ้างว่าได้จ่ายเงินตามเช็คให้แก่บุคคลอื่น จำเลยที่ 2 ไม่ได้รับเงินค่าขายลดเช็คจากโจทก์จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด ส่วนจำเลยที่ 3 ได้กระทำในฐานะกรรมการบริษัทจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ได้จ่ายเงินค่าซื้อเช็คโดยเชื่อว่าผู้รับเป็นพนักงานของจำเลยที่ 2 โจทก์เป็นผู้มีเช็คพิพาทไว้ในครอบครองสันนิษฐานว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบและสุจริต จำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็ค จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นผู้ลงชื่อสลักหลัง ย่อมต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็ค เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับเงินตามเช็ค จำเลยทั้งสามต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินและดอกเบี้ยตามฟ้องแก่โจทก์

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่พนักงานของจำเลยที่ 2 นำเช็คไปขายลดเช็คแก่โจทก์แล้วไม่ได้รับเงินค่าขายเพราะมีบุคคลอื่นไปสวมรอยรับแทนนั้น เป็นความประมาทเลินเล่อของพนักงานจำเลยที่ 2 โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้สลักหลังจึงต้องร่วมกันรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย ส่วนจำเลยที่ 3เป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คและประทับตราสำคัญของบริษัทจำเลยที่ 2 ถือว่ากระทำแทนบริษัทจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 3 ไม่ต้องร่วมรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ผู้รับซื้อเช็คต้องใช้ราคาทรัพย์สินที่ซื้อให้แก่นายโชคชัย พนักงานของบริษัทจำเลยที่ 2 ผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 453, 315เมื่อได้ความว่านายชวลิต พนักงานของโจทก์มอบเช็คที่โจทก์สั่งจ่ายเงินเป็นราคาทรัพย์สินที่ซื้อให้แก่บุคคลอื่นไปและจำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้สัตยาบันการชำระราคาทรัพย์สินที่ซื้อจึงไม่สมบูรณ์ และความเสียหายอันเกิดจากการชำระหนี้ไม่สมบูรณ์ครั้งนี้จะถือว่าเป็นความผิดของจำเลยที่ 2 ไม่ได้เพราะนายโชคชัยบอกว่าจะออกไปข้างนอกบริษัทโจทก์สักครู่แล้วจะมาขอรับเงินค่าขายลดเช็ค แสดงว่านายโชคชัยจะมารับเงินค่าขายลดเช็คจากนายชวลิตด้วยตนเอง เมื่อปรากฏว่ามีบุคคลอื่นมาขอรับเงินจากนายชวลิต แม้จะแต่งเครื่องแบบพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 2 ก็ตามก็ย่อมเป็นที่สะดุดใจ การมอบเช็คซึ่งสั่งจ่ายเงินจำนวนมากเช่นนี้ บุคคลผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินจำต้องใช้ความระมัดระวังในการมอบเป็นพิเศษ บริษัทโจทก์รับซื้อลดเช็คจากบริษัทจำเลยที่ 2 มานานถึง 5 ปี ย่อมทราบหมายเลขโทรศัพท์ของสำนักงานจำเลยที่ 2 ดี แต่หาได้โทรศัพท์สอบถามจำเลยที่ 3 ผู้มีหนังสือขายลดเช็คของจำเลยที่ 2 ให้ได้ความแน่นอนเสียก่อนว่าได้มอบหมายให้พนักงานคนอื่นไปรับเงินแทนนายโชคชัยหรือไม่ กลับมอบเช็คให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่นายโชคชัยไป ฝ่ายโจทก์จึงเป็นผู้ผิดนัดในการชำระหนี้ให้แก่ผู้ที่ไม่มีอำนาจรับ เมื่อการขายลดเช็คไม่สมบูรณ์เพราะความผิดของโจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าขายลดเช็คให้จำเลยที่ 2 โจทก์จึงยังไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยทั้งสามรับผิดชดใช้เงินตามเช็คได้

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วย

Share