แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายมีบาดแผลหลังศีรษะ 2 แผล เป็นแผลยาว5 เซนติเมตร ลึก 2 เซนติเมตร และแผลยาว 3 เซนติเมตร ลึก0.5 เซนติเมตร แผลที่หน้าอกซ้ายยาว 6 เซนติเมตร ไม่ลึก แผลฉีกขาดที่หน้าผากด้านซ้ายยาว 4 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร ใช้เวลารักษาบาดแผลไม่เกิน 14 วัน รอยแผลที่ศีรษะ 2 แผลไม่ใช่แผลฉกรรจ์ส่วนแผลที่อื่นเกิดจากการปล้ำกัน ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายหันหลังให้จำเลย ถ้าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยมีโอกาสใช้กำลังแรงเข้าโถมฟันผู้เสียหายได้ บาดแผลน่าจะฉกรรจ์มากกว่านี้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น จำเลยกระทำความผิดฐานมีเฮโรอีนก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2530และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษาพ.ศ. 2530 ใช้บังคับ จึงเพิ่มโทษจำเลยตามที่โจทก์ขอไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80, 92 เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 12 ปี เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92หนึ่งในสาม ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78โดยที่ส่วนของการเพิ่มเท่ากับส่วนของการลด เห็นสมควรไม่เพิ่มไม่ลดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่านายเชียร ศรีบัว ผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายฟันในบริเวณบ้านพักของนายเกษม ซึ่งอยู่ในบริเวณที่ตั้งกองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดนปรากฏรายละเอียดบาดแผลตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องและจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกและพ้นโทษมายังไม่เกินห้าปี คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์มั่นคงพอรับฟังลงโทษจำเลยตามฟ้องหรือไม่ที่จำเลยฎีกาว่า คำเบิกความผู้เสียหายไม่มีพยานอื่นสนับสนุนและขัดต่อเหตุผลนั้น เห็นว่า แม้ผู้เสียหายไม่ได้เห็นจำเลยในขณะฟัน แต่ผู้เสียหายก็ได้หันไปมองจำเลยเห็นจำเลยถือมีดอีโต้อยู่ในทันใดที่ผู้เสียหายรู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณท้ายทอย และในชั้นสอบสวน จำเลยก็รับว่า ได้ใช้มีดฟันศีรษะผู้เสียหายจริงคดีจึงรับฟังได้ว่า จำเลยได้ใช้มีดฟันผู้เสียหาย ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายนั้น นายแพทย์ไกรสร พยานโจทก์ผู้ตรวจรักษาผู้เสียหาย ได้ทำรายงานตามเอกสารหมาย จ.8 ว่ามีบาดแผลถูกฟันที่ศีรษะและหน้าเป็นบาดแผลถูกของมีคมขอบเรียบหลังศีรษะ2 แผล เป็นแผลยาว 5 เซนติเมตร ลึก 2 เซนติเมตร และแผลยาว3 เซนติเมตร ลึก 0.5 เซนติเมตร แผลที่หน้าอกซ้ายยาว 6 เซนติเมตรไม่ลึกแผลฉีกขาดที่หน้าผากด้านซ้ายยาว 4 เซนติเมตร กว้าง1 เซนติเมตร ผู้ป่วยรู้เรื่องดีใช้เวลารักษาบาดแผลไม่เกิน 14 วันและเบิกความว่า กะโหลกศีรษะผู้เสียหายไม่แตก ส่วนความลึกบาดแผลตามรายงานนั้นคาดคะเนเอา หากได้รับการรักษาไม่ทันแล้วก็อาจถึงแก่ความตาย บริเวณศีรษะตั้งแต่หนังศีรษะถึงกะโหลกศีรษะห่างกันประมาณ 1 เซนติเมตร แต่ในบางส่วน หากมีกล้ามเนื้ออยู่มากก็อาจห่างถึง 2 เซนติเมตร เมื่อได้พิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ตอนก่อนเกิดเหตุประกอบลักษณะของมีดที่จำเลยใช้ฟันและบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับแล้ว ยังฟังไม่ถนัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แม้มีรอยแผลที่ศีรษะ 2 แผล ก็ไม่ใช่แผลฉกรรจ์ ส่วนแผลที่อื่นนอกจากบนศีรษะน่าเชื่อว่า เกิดจากการปล้ำกัน โดยจำเลยเบิกความว่า จำเลยจับมือของผู้เสียหายทั้งที่ถือปืน ผู้เสียหายจับมือจำเลยทั้งที่ถือมีดนายสมจิตร พรมสังข์ พยานโจทก์เบิกความสนับสนุนความข้อนี้ถ้าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย บาดแผลน่าจะฉกรรจ์มากกว่านี้เพราะขณะเกิดเหตุ ผู้เสียหายหันหลังให้จำเลย จำเลยมีโอกาสที่ใช้กำลังแรงเข้าโถมฟันผู้เสียหายได้ที่จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนว่าพยานฆ่าผู้เสียหายนั้น เห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงที่ได้จากทางพิจารณาขัดกับคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลย คดีก็ต้องรับฟังตามที่ได้ความในทางพิจารณา สรุปแล้ว พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มั่นคงพอรับฟังลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายคงรับฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหาย ฎีกาจำเลยฟังขึ้นบางส่วน สำหรับคำขอให้เพิ่มโทษจำเลยของโจทก์นั้น ปรากฏว่าได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 ใช้บังคับ มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติ ฉบับนี้บัญญัติว่า ให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคมพ.ศ. 2530 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆปรากฏว่า ความผิดฐานมีเฮโรอีนที่โจทก์ถือเป็นเหตุขอให้เพิ่มโทษนั้นจำเลยได้กระทำก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2530 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ดังนี้จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้”
พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี