คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3354/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันชีวิตฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามกรมธรรม์ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าสัญญาประกันชีวิตรายพิพาทเป็นแบบประหยัดไม่ต้องให้แพทย์ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันชีวิตก่อน และ พ.ผู้เอาประกันภัย (ผู้ตาย) ได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพว่าตนมีสุขภาพสมบูรณ์ที่ไม่เคยเจ็บป่วยหรือได้รับการรักษาพยาบาลด้วยโรคใด ๆ ก่อนขอทำประกัน การที่ พ. ได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพทำให้สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะและจำเลยได้บอกล้างสัญญาประกันชีวิตนี้แล้วจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ประเด็นแห่งคดีจึงมีว่า พ. ผู้เอาประกันภัยได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพของตนอันจะเป็นเหตุให้สัญญาตกเป็นโมฆียะและจำเลยมีสิทธิบอกล้างได้หรือไม่และจำเลยได้บอกล้างแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงจะต้องฟังจาการนำสืบของคู่ควมการที่ผู้รับประกันภัยไม่ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันภัยในขณะทำสัญญาประกันภัย จะถือว่าผู้รับประกันภัยไม่ใช้ความระมัดระวังดังเช่นที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 866 เสมอไปหาได้ไม่ กรณีจะต้องด้วยบทกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ย่อมอาศัยข้อเท็จจริงในคดีเป็นหลักวินิจฉัย ศาลชั้นต้นจึงยังไม่สมควรที่จะสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันภัยในขณะทำสัญญาประกันภัยสัญญาประกันชีวิตที่โจทก์ฟ้องจึงสมบูรณ์แล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีโดยยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสดความก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับประกันชีวิตนายพริ้งสัญญาว่าจะจ่ายเงินให้เมื่อนายพริ้งถึงแก่กรรม โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ นายพริ้งถึงแก่กรรมในระหว่างที่สัญญาประกันชีวิตมีผลบังคับ จำเลยปฏิเสธไม่ชำระเงินให้โจทก์ตามสัญญา ขอให้ศาลพิพากษาบังคับ
จำเลยให้การว่า สัญญาพิพาทเป็นสัญญาประกันชีวิตแบบประหยัดไม่มีการตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันก่อน โดยจำเลยได้รับอนุมัติจากระทรวงพาณิชย์แล้วก่อนและขณะขอประกันชีวิตนายพริ้มป่วยเป็นโรคหืดและโรคอื่น ๆ เคยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหลายครั้ง แต่ปกปิดความจริง ทำให้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ จำเลยบอกล้างสัญญาจึงตกเป็นโมฆะแล้ว จำเลยไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้ตรวจสุขภาพของนายพริ้งในขณะทำสัญญา จึงไม่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสุขภาพของนายพริ้งเพราะจำเลยไม่ได้ใช้ความระมัดระวังดังวิญญูชนพึงกระทำ สัญญาประกันชีวิตจึงสมบูรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏตามกรมธรรม์ประกันภัยที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องให้ระบุเงื่อนไขในการที่จำเลยรับประกันชีวิตว่า คำขอประกันชีวิตที่ผู้เอาประกันยื่นต่อบริษัท (จำเลย) และถ้อยแถลงเพิ่มเติมประกอบพร้อมทั้งกรมธรรม์เป็นสาระสำคัญของสัญญา และในวรรค ๒ ของข้อ ๑ ได้ระบุอีกว่า เมื่อกรมธรรม์มีผลบังคับแล้ว บริษัทไม่มีสิทธิโต้แย้งหรือบอกเลิกสัญญาเว้นแต่ผู้เอาประกันได้ปกปิดข้อควมจริง หรือแถลงข้อความจริงอันเป็นสาระสำคัญในการรับประกัน กรมธรรม์ฉบับนี้จะตกเป็นโมฆะ บริษัท (จำเลย) มีสิทธิบอกล้างสัญญาได้ คดีนี้จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีว่าสัญญาประกันชีวิตรายพิพาทเป็นแบบประหยัดไม่ต้องให้แพทย์ตรวจสุบภาพของผู้เอาประกันชีวิตก่อน และนายพริ้งผู้เอาประกันภัยได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพว่าตนมีสุขภาพสมบูรณ์ไม่เคยเจ็บป่วยหรือได้รับการรักษาพยาบาลด้วยโรคใด ๆ ก่อนขอทำประกันภัย การที่นายพริ้งได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพให้สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะแลจำเลยได้บอกล้างสัญญาประกันชีวิตนี้แล้ว จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ประเด็นแห่งคดีจึงมีว่าผู้เอาประกัน (นายพริ้ง) ได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพของตนอันจะเป็นเหตุให้สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะและจำเลยมีสิทธิบอกล้างได้หรือไม่และจำเลยได้บอกล้างแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องฟังจากการนำสืบของคู่ความการที่ผู้รับประกันภัยไม่ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันภัยในขณะทำสัญญาประกันภัย จะถือว่าผู้รับประกันภัยไม่ใช้ความระมัดระวังเด่นเช่นที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์มาตรา ๘๖๖ เสมอไปหาได้ไม่ กรณีจะต้องด้วยบทกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ย่อมอาศัยข้อเท็จจริงในคดีเป็นหลักวินิจฉัย ศาลชั้นต้นจึงยังไม่สมควรที่จะสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยโดยยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความก่อน ซึ่งจำเลยก็ได้แถลงคัดค้านคำสั่งศาลไว้แล้ว ฎีกาจำเลยจึงฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งในคำพิพากษาใหม่

Share