แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำว่า ครั้ง ในมาตรา 8แห่ง พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย หมายถึง ครั้งตามคำพิพากษา ไม่ใช่ ครั้ง แห่งการหลุดพ้นโทษจำคุกมาแล้ว (อ้างฎีกาที่ 1514/2482)
จำเลยต้องคำพิพากษาจำคุก ฐานพยายามลักทรัพย์ พ้นโทษมาแล้วได้ต้องคำพิพากษาจำคุกฐานลักทรัพย์ แต่ต้องจำคุกไม่ครบกำหนดโทษได้หลบหนีเรือนจำมากระทำผิดฐานลักทรัพย์อีกดังนี้ มีเหตุสมควรที่จะใช้พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายแก่จำเลยเพราะประพฤติตนเป็นโจรเสมอมานับได้ว่า มีสันดานเป็นผู้ร้าย
ย่อยาว
ความว่าจำเลยได้ต้องคำพิพากษาให้ลงโทษฐานพยายามลักทรัพย์และหลบหนีที่คุมขัง จำคุก 1 ปี 2 เดือน พ้นโทษแล้ว ต่อมาต้องคำพิพากษาให้ลงโทษฐานลักทรัพย์กำหนดโทษ 1 ปี 8 เดือน 21 วัน จำเลยต้องจำยังไม่ครบกำหนดโทษ ได้หลบหนีเรือนจำ มากระทำผิดฐานลักทรัพย์อีก จะเรียกว่า จำเลยรับโทษจำคุกมาแล้วตามพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย มาตรา 8 ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่า จะเรียกว่า จำเลยเคยรับโทษจำคุกมาแล้ว 2 ครั้งไม่ได้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำว่า ครั้ง ในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติกักกัน ฯลฯ นั้นหมายความถึง ครั้ง ตามคำพิพากษา ไม่ใช่ ครั้งแห่งการหลุดพ้นโทษจำคุกมาแล้ว คดีนี้มีเหตุสมควรจะใช้พระราชบัญญัติกักกันฯ แก่จำเลยเพราะประพฤติตนเป็นโจรเสมอ นับได้ว่า มีสันดานเป็นผู้ร้าย
พิพากษาแก้ ให้เพิ่มโทษกักกันจำเลย 4 ปี