คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พยานผู้เชี่ยวชาญนั้นเป็นพยานแสดงความคิดเห็นตามหลักวิชาแม้จะเป็นพยานที่ศาลรับฟัง แต่ก็มิใช่ว่าจะต้องเชื่อตามเสมอไปคำพยานชนิดนี้จะมีน้ำหนักยิ่งกว่าประจักษ์พยานหรือไม่นั้น ก็ต้องพิจารณาตามรูปเรื่องเหตุผลและพยานหลักฐานอื่นประกอบกัน ในกรณีที่โจทก์อ้างเอกสารที่มีลายมือชื่อของจำเลย แต่จำเลยปฏิเสธว่าไม่ใช่ลายมือชื่อของตน และจำเลยจะขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ (เมื่อได้สืบพยานอื่นๆ ของจำเลยแล้ว) ถ้าโจทก์มีพยานหลักฐานมั่นคงน่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยแล้ว ทั้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของจำเลยมีเค้ามูลน่าเชื่อว่าเป็นการประวิงคดีแล้ว ศาลมีอำนาจสั่งงดสืบพยานผู้เชี่ยวชาญที่จำเลยขออ้างนั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ให้นายบาระเฮ็มบุตรขายไปติดต่อขอซื้อที่ดินโฉนดที่ 3594 จากนางเยี่ยม ครั้นถึงวันนัดโอนทะเบียน โจทก์ไปทำการรับโอนด้วยตนเองไม่ได้ เพราะโจทก์พิการ จึงได้มอบให้นายบาระเฮ็มกับจำเลยที่ 1 บุตรโจทก์ไปลงนามเป็นเจ้าของที่ดินแทนโจทก์การที่จำเลยที่ 1 และนายบาระเฮ็มรับโอนที่ดินดังกล่าวเป็นการกระทำเพื่อรักษาไว้ให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่แท้จริง โดยทำหนังสือเป็นหลักฐานให้โจทก์ยึดถือไว้ แล้วโจทก์ให้จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 สามีจำเลยที่ 1 เข้าดูแลรักษาบ้านและห้องแถวในที่แปลงนี้ และโจทก์ยังให้เงินทุนแก่จำเลยตั้งร้านค้าในที่ดินนี้ด้วยจำเลยทั้งสองกลับเบียดบังเอากำไร โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยและนายบาระเฮ็มโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ และให้จำเลยคืนกิจการค้าให้โจทก์ นายบาระเฮ็มยินยอม แต่จำเลยที่ 1 ไม่ยอม ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ 1 คืนที่ดินและเงินลงทุนให้โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์กับนางริ้วมารดาจำเลยที่ 1 ออกเงินซื้อที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 กับนายบาระเฮ็ม จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นตัวแทนของโจทก์ จำเลยไม่เคยได้รับเงินทุนจากโจทก์ กับต่อสู้ประการอื่นอีก ขอให้ยกฟ้อง

ในการพิจารณา โจทก์นำสืบด้วยว่า หลังจากซื้อที่พิพาทแล้ว 2 เดือนเศษ โจทก์ได้ให้จำเลยที่ 1 และนายบาระเฮ็มทำหนังสือไว้ให้เป็นหลักฐาน ความว่าที่พิพาทนี้ซื้อโดยโจทก์เป็นผู้ออกเงินซื้อคนเดียวทั้งหมด แต่ยอมให้นายบาระเฮ็มกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรลงชื่อในโฉนดแทน เพราะร่างกายโจทก์ไม่สมบูรณ์ พิมพ์มือหรือเขียนหนังสือไม่ได้ ในการนำสืบข้อนี้โจทก์ได้ยื่นเอกสาร จ.2 เป็นพยานหลักฐาน และมีตัวโจทก์เอง นายบาระเฮ็ม นายประศาสน์พยาน และนายสุระผู้เขียนเอกสารนี้ กับนายหวังพยานผู้รู้เห็นมาเบิกความประกอบ แต่จำเลยทั้งสองปฏิเสธลายเซ็นในเอกสารนี้ว่าไม่ใช่ลายเซ็นของตน ครั้นเมื่อจำเลยสืบพยานอื่นหมดแล้วแถลงว่ายังติดใจสืบพันตำรวจเอกจำรัสผู้เชี่ยวชาญการตรวจพิสูจน์หลักฐานอยู่อีก 1 ปาก จะให้มาขอรับเอกสารไปตรวจพิสูจน์ แต่ศาลชั้นต้นยกเหตุผลขึ้นแสดงแล้วมีคำสั่งว่าปรากฏชัดว่าการดำเนินการพิจารณาของจำเลยเป็นไปในทางฟุ่มเฟือยและเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า การสืบพยานผู้ชำนาญต่อไปจึงไม่มีความจำเป็น ให้งดสืบพยานผู้ชำนาญที่จำเลยอ้างจะสืบต่อไปนั้นเสีย ผลที่สุดพิพากษาให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินในส่วนที่จำเลยลงชื่อถือกรรมสิทธิ์แทนคืนให้แก่โจทก์และให้จำเลยทั้งสองออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

จำเลยอุทธรณ์ โดยคัดค้านข้อที่ศาลงดสืบพยานจำเลยด้วย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลทั้งสอง และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยขอสืบผู้เชี่ยวชาญการตรวจพิสูจน์ลายมือต่อไปนั้น เห็นว่าไม่เกิดประโยชน์อะไรแก่คดีของจำเลยพยานผู้เชี่ยวชาญนั้นเป็นพยานแสดงความคิดเห็นตามหลักวิชาแม้จะเป็นพยานที่ศาลรับฟัง แต่ก็มิใช่ว่าศาลจะต้องเชื่อฟังตามคำของพยานนั้นเสมอไป คำพยานชนิดนี้จะมีน้ำหนักยิ่งกว่าประจักษ์พยานหรือไม่นั้น ก็ต้องพิจารณาตามรูปเรื่องเหตุผล และพยานหลักฐานอื่นประกอบกัน คดีนี้โจทก์มีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อยืนยันมั่นคงว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 ซึ่งลงชื่อต่อหน้าตน และการดำเนินกระบวนพิจารณาของจำเลยมีเค้ามูลน่าเชื่อว่าเป็นการประวิงคดีที่ศาลสั่งงดสืบพยานผู้เชี่ยวชาญที่จำเลยขออ้างนั้นชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share