แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีโจทก์มีมูลเฉพาะจำเลยที่ 2และที่ 5 ให้ประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 และที่ 5ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 คำสั่งของศาลที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 170 ฉะนั้นการที่ศาลอุทธรณ์กลับพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยที่ 5 ด้วย จึงมิชอบ แม้โจทก์จะมิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265, 268, 83, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า คดีโจทก์มีมูลเฉพาะจำเลยที่ 2 และที่ 5 ให้ประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 และที่ 5ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ประทับฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า คดีโจทก์มีมูลเฉพาะจำเลยที่ 2และที่ 3 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 83ให้ประทับฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไว้พิจารณา ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 5ด้วย นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้ว่า คดีโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 5 มีมูล ซึ่งศาลจะต้องประทับฟ้องจำเลยที่ 5 ด้วยดังที่โจทก์ฎีกาหรือไม่ เห็นว่าคดีนี้ปรากฏว่าเมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าคดีโจทก์มีมูลเฉพาะจำเลยที่ 2 และที่ 5 แล้ว คำสั่งของศาลที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170 ฉะนั้นการที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วกลับพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยที่ 5 ด้วยจึงมิชอบตามบทกฎหมายดังกล่าว แม้โจทก์จะมิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ เพราะเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย คดีไม่จำต้องวินิจฉัย ฎีกาของโจทก์ในปัญหาข้อเท็จจริงว่า คดีโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 5 มีมูลหรือไม่”
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 5 คงประทับฟ้องจำเลยที่ 5 ไว้ด้วย ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น