คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจตนาทุจริตของจำเลยศาลไม่อาจหยั่งรู้ความในใจอันแท้จริงได้ นอกจากจะอนุโลมโดยอาศัยเหตุผลทั่วๆ ไปตามที่ปรากฏในท้องสำนวน
ผู้เสียหายมอบเงินจำเลยให้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ของผู้เสียหายจำเลยเอาไปใช้ส่วนตัวเสียบางส่วนแม้จะได้ไปบอกแก่เจ้าหนี้ว่าผู้เสียหายได้มอบเงินมาชำระครบแล้วแต่จำเลยเอาไปใช้เสียบางส่วนต้องส่งให้แต่ส่วนที่เหลือรับจะใช้คืนให้โดยไม่ต้องไปทวงจากผู้เสียหายอีกพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยเอาเงินรายนี้ไปใช้โดยเจตนาทุจริตคดีนี้จำเลยมีหน้าที่จะนำเงินไปมอบให้เจ้าหนี้ตามที่รับมอบมาเงินแม้จะเป็นธนบัตรเปลี่ยนมือได้หากจำเลยเอาไปใช้เมื่อถึงคราวจะนำไปให้เจ้าหนี้จำเลยก็ต้องพร้อมที่จะมอบเงินในจำนวนนั้นให้แก่เจ้าหนี้ทันทีมิใช่หวังเอาเองอย่างเลื่อนลอยว่าเจ้าหนี้คงจะยอมเปลี่ยนตัวลูกหนี้ให้อนึ่งการไปบอกความจริงแก่เจ้าหนี้ดังกล่าวเป็นการสารภาพผิดมิใช่การแสดงความบริสุทธิ์ของจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้รับมอบเงิน 1,000 บาทจากนายสีเพื่อให้จำเลยนำไปชำระหนี้แก่นายจันทร์เป็นค่ากระบือที่นายสีซื้อมาจากนายจันทร์ จำเลยทุจริตเบียดบังเอาเงิน 1,000 บาทไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย ขอให้ลงโทษ

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยได้รับฝากเงิน 1,000 บาทจากนายสีเพื่อเอาไปชำระหนี้แก่นายจันทร์จริง จำเลยได้ไปบอกนายจันทร์ว่า นายสีฝากเงินค่ากระบือมาแล้วแต่จำเลยเอาไปใช้เสีย 600 บาท เหลือเพียง 400 บาทไม่ต้องไปเรียกร้องเอาจากนายสีอีก นายจันทร์ไม่ยอมตกลงเองต่างหาก และเมื่อนายสีมาถามจำเลยก็บอกตามตรงว่าเงินใช้หมดแล้วยังไม่ได้เอาไปให้นายจันทร์ ดังนี้แสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาทุจริตพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 315 ให้ลงโทษจำคุกมีกำหนด 1 ปี และให้คืนเงิน 1,000 บาทแก่ผู้เสียหาย

จำเลยฎีกาคัดค้านว่าจำเลยมิได้มีเจตนาทุจริตคิดยักยอกทรัพย์เพราะคดีได้ความชัดว่าจำเลยเอาเงินไปใช้เสียโดยตั้งใจจะใช้คืนให้ในภายหลัง ไม่ได้ตั้งใจจะโกง จึงไม่ควรเป็นผิด

ศาลฎีกาเห็นว่าในเรื่องเจตนาทุจริตหรือไม่เป็นเรื่องในใจของจำเลย ศาลไม่อาจหยังล่วงรู้ความในใจอันแท้จริงได้นอกจากจะอนุโลมโดยอาศัยเหตุผลทั่ว ๆ ไปตามที่ปรากฏในท้องสำนวน

จำเลยมีหน้าที่ที่จะต้องนำเงิน 1,000 บาทไปให้แก่นายจันทร์ตามที่ได้รับมอบหมาย แต่เอาไปใช้เสียแสดงอยู่แล้วว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมาย จำเลยจำเป็นจะต้องแสดงความบริสุทธิ์ให้ปรากฏว่าจำเลยไม่ได้มีเจตนาทุจริตเพราะเหตุผลประการใดจำเลยกลับปฏิเสธและนำสืบฐานที่อยู่ ไม่ได้แสดงความสุจริตใจประการใดเลย คงมีแต่คำพยานโจทก์ว่าจำเลยไปบอกแก่นายจันทร์ว่า นายสีฝากเงินมาแต่จำเลยเอาไปใช้เสีย 600 บาทคงเหลือ 400 บาทไม่ต้องไปทวงจากนายสีอีก เป็นเชิงขอเปลี่ยนตัวลูกหนี้ จากนายสีมาเป็นจำเลยเสียเพียงเท่านี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตเพราะจำเลยอยู่แล้วว่าจำต้องเอาไปมอบให้แก่นายจันทร์มิใช่ประสงค์จะให้จำเลยเอาไปใช้สอยทางอื่น หากเป็นการสุจริตจำเลยก็จะต้องมีเงินอื่นอยู่พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่รับมอบหมายมานั้นได้ ไม่ใช่ว่าเงินไม่มีเลย แต่ยังขืนเอาของเขาใช้เสียโดยนึกคิดเอาเองตามใจของตนว่านายจันทร์คงยินยอมให้เปลี่ยนตัวลูกหนี้ได้ แล้วค่อยหาเงินใช้เขาในภายหลังซึ่งเป็นความหวังอันเลื่อนลอยไม่มีเหตุผล พฤติการณ์เช่นนี้จึงแสดงว่าจำเลยเอาเงินรายนี้ไปใช้โดยมีเจตนาทุจริต การที่จำเลยไปบอกแก่นายจันทร์ตามตรงนั้นอย่างมากก็เป็นเรื่องกระทำผิดไปแล้ว ไปสารภาพผิดเท่านั้น

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share