คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3340/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์เรื่องขอขยายเวลาวางเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เมื่อพิจารณาถึงว่าโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวที่พิพาท จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินที่ปลูกตึกแถวพิพาท ทั้งไม่ปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของตึกพิพาท การที่จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินที่ปลูกตึกแถวพิพาท โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ซึ่งจำเลยจะยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้อยู่แล้ว ทั้งอุทธรณ์ข้ออื่นก็เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม ดังนี้แม้ศาลอนุญาตขยายเวลาชำระเงินตามคำพิพากษา หรืออนุญาตให้หาประกันตามคำขอของจำเลย เพื่อให้คำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไม่ต้องห้ามตามมาตรา 234 ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะพึงเกิดแก่คดีของจำเลย เพราะในที่สุดจะไม่ทำให้อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ต้องห้ามแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวสองชั้นของโจทก์เลขที่ ๑๕๘/๑๐ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร มีกำหนด ๓ ปี ค่าเช่าเดือนละ ๘๐ บาท สัญญาเช่าครบกำหนดและบอกเลิกการเช่าแล้ว จำเลยไม่ยอมออกไป ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อสัญญาเช่าตึกแถวครบกำหนดแล้ว โจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลาค่าเช่าเดือนละ ๖๐๐ บาท โจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากตึกพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๒,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ โดยวินิจฉัยว่าเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยไม่ได้นำเงินมาชำระหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด ๑๐ วันนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยในเรื่องโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องคดีก็ดี โจทก์ไม่ได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลยก็ดี ค่าเสียหายที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยชำระให้โจทก์ก็ดี เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๔ วรรคสอง พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาโดยวินิจฉัยว่า ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๖
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกา
ศาลฎีกามีคำสั่งให้รับฎีกา แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินที่ปลูกตึกพิพาท โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น สำหรับปัญหานี้ปรากฏว่าจำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีไว้ ตลอดทั้งไม่ได้ให้การปฏิเสธว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของตึกพิพาท จึงเป็นข้อที่มิได้ยกเป็นประเด็นโต้เถียงไว้แต่ศาลชั้นต้น กรณีเป็นเรื่องของจำเลยโดยเฉพาะ ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจะยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้อยู่แล้ว อุทธรณ์ของจำเลยในปัญหานี้จึงเป็นข้อกฎหมายอันไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share