แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นกรมในรัฐบาล มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการสื่อสาร การไปรษณีย์โทรเลข วิทยุ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน มิได้มีวัตถุประสงค์ในการประกอบการค้า ส่วนร้านค้าขององค์การสงเคราะห์ข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขหรือ อ.ส.ค. ตั้งขึ้นโดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการขึ้นเป็นผู้ดำเนินงานพร้อมด้วยคณะกรรมการ และจัดตั้งร้านค้า อ.ส.ค.ขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือข้าราชการในกรมไปรษณีย์โทรเลขและประธานกรรมการแต่งตั้งผู้จัดการร้านค้า อ.ส.ค. แต่ร้านค้า อ.ส.ค.มิได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน และเป็นกิจการต่างหากมิได้อยู่ในวัตถุประสงค์และหน้าที่ของกรมไปรษณีย์โทรเลข เมื่อร้านค้า อ.ส.ค. มิใช่ราชการของกรมไปรษณีย์โทรเลข กรมไปรษณีย์โทรเลขจึงไม่ต้องร่วมรับผิดในหนี้สินของร้านค้า อ.ส.ค. (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 28/2516)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นกรมในรัฐบาลและเป็นนิติบุคคลจำเลยที่ 2 เป็นองค์การขึ้นกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดการของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ในฐานะส่วนตัวและตัวแทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ซื้อสินค้าไปจากโจทก์หลายครั้ง โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระราคา จำเลยไม่ชำระ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระราคาสินค้าพร้อมดอกเบี้ย
ก่อนชี้สองสถาน โจทก์ถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 2 มิได้เป็นองค์การหรือหน่วยราชการที่สังกัดอยู่กับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ไม่เคยมอบหมายให้จำเลยที่ 3 ไปซื้อสินค้าจากโจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันใช้เงินราคาสินค้าและดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 85,162.71 บาทให้โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 85,162.71 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ 1,000 บาทแทนโจทก์
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันใช้เงิน 85,162 บาท 71 สตางค์ให้โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 82,980 บาท 60 สตางค์ นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์ นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้ต่างเป็นพับไป
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า กรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ 1 เป็นกรมในรัฐบาล และเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการสื่อสาร การไปรษณีย์โทรเลข วิทยุ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน มิได้มีวัตถุประสงค์ในการประกอบการค้า ส่วนร้านค้าขององค์การสงเคราะห์ข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลข หรือ อ.ส.ค. ถึงแม้จะตั้งขึ้นโดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขผู้แทนของจำเลยที่ 1 เป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการขึ้นเป็นผู้ดำเนินการพร้อมด้วยคณะกรรมการ และจัดตั้งร้านค้า อ.ส.ค. ขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือข้าราชการในกรมไปรษณีย์โทรเลข และประธานกรรมการแต่งตั้งจำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดการร้านค้า อ.ส.ค. ก็ตาม แต่ร้านค้า อ.ส.ค. มิได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน เป็นกิจการต่างหากมิได้อยู่ในวัตถุประสงค์และหน้าที่ของกรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ 1 โจทก์ไม่มีหลักฐานมานำสืบให้เห็นว่า โจทก์ได้ทำการค้าขายติดต่อกับจำเลยที่ 1 เมื่อร้านค้า อ.ส.ค. มิใช่ราชการของจำเลยที่ 1 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดในหนี้สินนี้ด้วย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 เสีย ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ทั้งสามศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์