แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเรียกเงินจาก ป. กับพวก โดยอ้างว่าจะนำไปให้ผู้พิพากษาเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจผู้พิพากษาให้พิพากษายกฟ้องคดีอาญา ซึ่งญาติของ ป. กับพวกถูกฟ้องเป็นจำเลย ต่อมาเมื่อ ป. กับพวกรวบรวมเงินตามจำนวนที่จำเลยเรียกร้องครบแล้ว จึงได้มอบให้จำเลยรับไป ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาที่จะเรียกและรับเงินซึ่งเป็นเจตนาอันเดียวกันมาตั้งแต่แรกและเป็นการกระทำต่อเนื่องในคราวเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาชีพเป็นทนายความรับว่าความแก้ต่างให้แก่จำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๔๕๔/๒๕๒๑ ของศาลมณฑลทหารบกที่ ๔ (ศาลจังหวัดพิษณุโลก) ในขณะที่คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล จำเลยได้เรียกเงินจากนางเปล่ง กับพวก ซึ่งเป็นญาติของจำเลยในคดีดังกล่าว อ้างว่าจะนำไปมอบให้ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลและผู้พิพากษาเป็นค่าตอบแทนในการที่จะจูงใจให้พิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าวเสีย นางเปล่งกับพวกได้มอบเงินให้จำเลยไปตามที่จำเลยเรียก ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๔๓ รวมสองกระทง ให้เรียงกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ ๓ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยเรียกเงินจากนางเปล่งกับพวก โดยอ้างว่าจะนำไปให้ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลและผู้พิพากษาศาลจังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้พิพากษายกฟ้องปล่อยตัวจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๙๙/๒๕๒๑ ของศาลมณฑลทหารบกที่ ๔ (ศาลจังหวัดพิษณุโลก)ในวันเวลาหนึ่ง และต่อมาในวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๒๑ จำเลยจึงได้รับเงินจำนวนดังกล่าวจากนางเปล่งกับพวกนั้น เป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยมีเจตนาที่จะเรียกและรับเงินจากนางเปล่งกับพวกเพื่อจูงใจผู้พิพากษาหัวหน้าศาลและผู้พิพากษาศาลจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นเจตนาอันเดียวกันมาตั้งแต่แรก และเป็นการกระทำต่อเนื่องในคราวเดียวกันถือได้ว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวกัน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๓ ให้จำคุก ๓ ปี