แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522มาตรา134,134วรรคสอง,มาตรา160ทวิประมวลกฎหมายอาญามาตรา83แต่ให้รอการกำหนดโทษและคุมประพฤติไว้ส่วนรถจักรยานยนต์ของกลางไม่ริบศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่าให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ.2534มาตรา124ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218จำเลยทั้งสี่ฎีกาขอให้ไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นการขอแก้ไขดุลพินิจของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 กับพวกที่หลบหนีอีกประมาณ 2 คน ได้ร่วมกันขับรถจักรยานยนต์คนละคันแข่งกันในทางเดินรถสาธารณะโดยมีจำเลยที่ 4 เป็นผู้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากพนักงานจราจร จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 กับพวกขับรถแข่งกันโดยใช้ความเร็วสูงมาก ก่อให้เกิดเสียงดัง และน่าหวาดเสียวเป็นที่เดือนร้อนรำคาญแก่ประชาชน และโดยไม่คำนึ่งถึงความปลอดภัยของประชาชนขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134, 134 วรรคสอง, 160 ทวิพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2535 มาตรา 16, 31และขอให้สั่งริบรถจักรยานยนต์รวม 3 คันของกลาง พักใช้ใบอนุญาตขับขี่หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย
จำเลยทั้งสี่ให้การสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 134, 134 วรรคสอง, 160 ทวิ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2535 มาตรา 16, 31 เมื่อได้คำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพนิสัย อาชีพ สิ่งแวดล้อม ทั้งสภาพความผิดประกอบคำแถลงของผู้ปกครองจำเลยแล้ว ปรากฎว่าขณะกระทำผิด จำเลยมีอายุ 17, 16,14, 16 ปีเศษ ตามลำดับ จำเลยทั้งสี่เพิ่งกระทำผิดเป็นครั้งแรกเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยทั้งสี่กลับตนเป็นคนดี อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 กับอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวมาตรา 106 ให้รอการกำหนดโทษจำเลยทั้งสี่ไว้ มีกำหนดคนละ 2 ปีนับแต่วันพิพากษา และให้คุมประพฤติจำเลยทั้งสี่มีกำหนดคนละ2 ปี คำขอริบจักรยานยนต์ของกลาง เห็นว่า ยังไม่สมควรริบจึงให้ยก และคำขอพักใช้ใบอนุญาตขับขี่หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เห็นว่าจำเลยเพิ่งกระทำผิดเป็นครั้งแรกยังไม่สมควรพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต ใบอนุญาตขับขี่ จึงยกให้
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบรถจักรยานยนต์ 3 คัน ของกลาง
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่าให้ริบรถจักรยานยนต์ 3 คัน ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 134, 134 วรรคสอง, มาตรา 160 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 แต่ให้รอการกำหนดโทษและคุมประพฤติไว้ ส่วนรถจักรยานยนต์ของกลางไม่ริบศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่าให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัว และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา124 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218จำเลยทั้งสี่ฎีกาขอให้แก่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นการขอแก้ไขดุลพินิจของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายก ฎีกา ของ จำเลย ทั้ง สี่