แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์นำกระจกเข้ามาในราชอาณาจักรและสำแดงราคาเพื่อเสียภาษีอากรตามที่ซื้อมา แต่เป็นราคาต่ำกว่าที่ระบุไว้ในบัญชีกำหนดราคาสินค้าซึ่ง จำเลยได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินราคาสินค้ากระจกที่โจทก์นำเข้าในครั้งก่อน ๆ เมื่อปรากฏว่าในระหว่างเวลานำเข้านั้นราคากระจกลดลงเพราะราคาน้ำมันดิบลดลง ค่าขนส่งลดลง เงินฟรังก์ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่โจทก์ซื้อกระจกมีค่าต่ำลง และบัญชีกำหนดราคาสินค้าดังกล่าวถูกยกเลิกโดยบริษัทผู้ผลิตและใช้บัญชีใหม่แทน จำเลยจึงไม่อาจใช้ราคาตามที่ระบุไว้ในบัญชีกำหนดราคาสินค้าดังกล่าวเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มราคากระจกและเก็บภาษีอากรเพิ่มเติมจากโจทก์ได้ ราคากระจกที่โจทก์สำแดงไว้ดังกล่าวเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดตามความในมาตรา 2 ของ พ.ร.บ. ศุลกากรพุทธศักราช 2469 การเสียภาษีอากรของโจทก์ตามราคาที่โจทก์สำแดงไว้ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลและให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่าการประเมินอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ประเด็นในเรื่องอำนาจฟ้องและเรื่องอายุความเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ส่วนประเด็นที่ว่าการประเมินราคาสินค้าและภาษีอากรชอบหรือไม่นั้นทั้งสองฝ่ายนำสืบโต้เถียงกันโดยโจทก์นำสืบว่า ได้สำแดงราคากระจกทั้ง 13 ใบขนตามราคาขายส่งเงินสดตามความในมาตรา 2 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 ปรากฏรายละเอียดตามเอกสารหมาย จ. 46 และเสียภาษีอากรโดยถูกต้อง ฝ่ายจำเลยนำสืบว่าโจทก์สำแดงราคากระจกทั้ง 13 ใบขนต่ำกว่าที่กำหนดในบัญชีราคาสินค้า(Price List) ตามเอกสารหมาย จ.58 ซึ่งจำเลยใช้เป็นเกณฑ์ประเมินราคาสินค้า (กระจก) คิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐต่อ 1 ตารางเมตรคือกระจกที่มีความหนา 5 มม. ราคา 10.55 เหรียญสหรัฐ กระจกหนา6 มม. ราคา 12.27 เหรียญสหรัฐ กระจกหน่า 8 มม. ราคา 17.65เหรียญสหรัฐ กระจกหนา 10 มม. ราคา 22.28 เหรียญสหรัฐ และกระจกหนา 12 มม. ราคา 27.02 เหรียญสหรัฐ
สำหรับเหตุที่โจทก์สำแดงราคากระจกที่นำเข้าแตกต่างกันคือมีราคาสำแดงตามลำดับดังปรากฏตามใบขนเอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.14 และตามบัญชีแสดงราคากระจกที่นำเข้าตามเอกสารหมาย จ.46 โดยอ้างว่าราคาน้ำมันดิบ ค่าขนส่ง และอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับเงินฝรั่งเศสมีค่าลดลงเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐนั้น นายวันชัยเอื้อสุวรรณกุล เบิกความว่าราคาน้ำมันดิบในปี พ.ศ. 2523 ราคาบาเรลละประมาณ 34 เหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ. 2527 ราคาบาเรลละประมาณ>16 เหรียญสหรัฐ ถ้าคิดระหว่างปี พ.ศ. 2523-2526 ราคาน้ำมันดิบลดประมาณร้อยละ 60 จำเลยมิได้นำสืบปฏิเสธว่าน้ำมันดิบมิได้ลดราคานายสุธน บัวสรวง พยานจำเลยเบิกความแต่เพียงว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524ถคง 2526 ไม่แน่ใจว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงหรือไม่ดังนี้จึงต้องฟังว่าราคาน้ำมันดิบลดลงดังที่โจทก์นำสืบ
ส่วนค่าขนส่งนั้นเมื่อฟังว่า ในระหว่างปี พ.ศ. 2523-2526 ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลง อัตราค่าระวางก็ย่อมจะต้องลดลงเป็นธรรมดานอกจากนั้นโจทก์ยังได้อ้างเอกสารแสดงอัตราค่าระวางที่ลดลงมาเป็นหลักฐานดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.15 (แผ่นที่ 4) จ.18 (แผ่นที่ 4)และ จ.23 แผ่นที่ 4 คือค่าระวางต่อ 1 ตู้คอนเทนเนอร์ในปี พ.ศ. 2524เป็นเงิน 1,978.80 เหรียญสหรัฐ พ.ศ. 2524 เป็นเงิน 1,552.67เหรียญสหรัฐและสำหรับปี พ.ศ. 2526 ค่าระวางต่อ 1 ตู้คอนเทนเนอร์ลดเหลือเพียง 1,204 เหรียญสหรัฐ นางสาวรัตนา กสิกิจพยานจำเลยก็เบิกความยอมรับว่าได้ตรวจดูใบอินวอยซ์ปรากฏว่าค่าขนส่งลดลง แต่อ้างว่าลดลงเล็กน้อยจึงต้องฟังข้อเท็จจริงว่าค่าขนส่งหรือค่าระวางลดลง
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินฝรั่งเศสกับเงินเหรียญสหรัฐเมื่อคิดเทียบกับเงินบาทที่นายพรชัย เอื้อสุวรรณกุล เบิกความว่า ค่าของเงินฝรั่งเศสลดลงตั้งแต่ พ.ศ. 2523 1 เหรียญสหรัฐแลกได้ 4.175ฟรังก์ฝรั่งเศส จนในปี พ.ศ. 2526 1 เหรียญสหรัฐแลกได้ 8.25ฟรังก์ฝรั่งเศสนั้น โจทก์ก็ได้อ้างบัญชีอัตราแลกเปลี่ยนทางราชการมาเป็นหลักฐานดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ. 47 ถึง จ. 56 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินฝรั่งเศสลดลงดังที่โจทก์นำสืบ เป็นที่รู้และเข้าใจกันทั่วไปว่า เมื่อราคาน้ำมันดิบลดลง ค่าระวางหรือค่าขนส่งสินค้าลดลง อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเปลี่ยนแปลงไปย่อมส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าอย่างไม่มีปัญหา เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในระหว่างปี พ.ศ. 2523 ถึง 2526 ราคาน้ำมันดิบลดลง ค่าขนส่งลดลงเงินฟรังก์ของฝรั่งเศสมีค่าต่ำลงจึงเชื่อว่าราคากระจกย่อมลดลงดังที่โจทก์นำสืบนอกจากเหตุผลดังกล่าวโจทก์ยังอ้างโทรพิมพ์ซึ่งโจทก์และบริษัทผู้ผลิตในฝรั่งเศสใช้ติดต่อสอบถามราคาและสั่งซื้อมาประกอบเป็นหลักฐานดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.28 ถึง จ.45 สำหรับหลักฐานของฝ่ายจำเลยที่แสดงว่าโจทก์สำแดงราคาในใบขนทั้ง 13 ฉบับต่ำกว่าความเป็นจริงก็โดยอาศัยบัญชีราคาสินค้าตามเอกสารหมาย จ.58 นั้นศาลฎีกาเห็นว่าบัญชีราคาสินค้าตามเอกสารหมาย จ.58 บริษัทผู้ผลิตจัดทำสำหรับกระจกในเดือนตุลาคม 2523 แต่กระจกที่โจทก์นำเข้ามานี้นำเข้าตั้งแต่เดือนธันวาคม 2524 ถึง ธันวาคม 2526 อันเป็นเวลาห่างกันประมาร 1-3 ปี ราคาย่อมจะต้องเปลี่ยนแปลงไป ยิ่งกว่านั้นบัญชีราคาสินค้า (กระจก) ตามเอกสารหมาย จ.58 ซึ่งเป็นของบริษัทกลาเชคโคนั้น โจทก์ก็ได้อ้างหนังสือของบริษัทกลาเชคโคมาเป็นหลักฐานว่าบัญชีราคาสินค้าสำหรับเดือนธันวาคม 2524 อันเป็นบัญชีราคาสินค้าภายหลังเอกสารหมาย จ.58 ถูกยกเลิกแล้ว จึงแสดงอยู่ในตัวว่าบัญชีราคาสินค้า (กระจก) ของบริษัทกลาเชคโคสำหรับเดือนตุลาคม2523 ตามเอกสารหมาย จ.58 ได้ถูกยกเลิกไปก่อนแล้ว ดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ. 59 นอกจากบัญชีราคาสินค้าตามเอกสารหมายจ.58 แล้ว ข้ออ้างของจำเลยก็มีแต่เพียงว่าทางกรมศุลกากรไม่ค่อยจะเชื่อหลักฐานทางโทรพิมพ์เพราะเกรงว่าผู้ซื้อและผู้ขายจะสมคบกันตั้งราคา ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าข้ออ้างดังกล่าวจะนำมาใช้ในทุกกรณีหาได้ไม่ด้วยเหตุผลดังวินิจฉัยมาข้อเท็จจริงฟังได้ว่าราคากระจกในใบขนทั้ง13 ฉบับ ตามเอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.14 ได้สำแดงราคาอันแท้จริงในท้องตลาดหรือราคาขายส่งเงินสดตามความในมาตรา 2 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2509 และโจทก์ได้ชำระภาษีกาอรโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว การที่เจ้าพนักงานของจเลยทำการประเมินภาษีอากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการประเมินอากรขาเข้า ภาษีการค้าภาษีบำรุงเทศบาล สำหรับสินค้ากระจกทั้ง 10 ใบขนตามเอกสารหมายจ.2 ถึง จ.14 และให้จำเลยคืนเงินจำนวน 955,005.69 บาทให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.625 ต่อเดือน (หรือ 7.5 ต่อปี)นับแต่วันที่ได้ชำระอากรหรือวางเงินประกัน ตามมาตรา 112 จัตวาแห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 9,500 บาท”