แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้แจ้งให้ ถ. เจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอผู้ทำหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนต่าง ๆ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารคำขอออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์และเอกสารบันทึกถ้อยคำซึ่งเป็นเอกสารราชการและมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้หายไป แม้มิได้บรรยายว่า ถ.เป็นเจ้าพนักงานที่ดิน ก็ย่อมเข้าใจได้ว่า ถ. เป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 แล้ว ฟ้องโจทก์หาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมหรือขาดองค์ประกอบความผิดไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา137, 267, 91
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และ 267 ให้ลงโทษบทหนักตามมาตรา 267 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิด 2 กรรม เรียงกระทงลงโทษกระทงละ 3 เดือน รวมจำคุก 6 เดือน จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 ลงโทษจำคุก 3 เดือน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 ได้บังอาจแจ้งให้นางถาวร อินทร์สุวรรณ เจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอขุขันธ์ ผู้ทำหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนต่าง ๆ โดยมิได้บรรยายว่านางถาวรเป็นเจ้าพนักงานที่ดิน เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา267 จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์ระบุว่านางถาวรเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอขุขันธ์ ผู้ทำหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนต่าง ๆ ย่อมเข้าใจได้ว่านางถาวรเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 แล้ว จึงหาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมหรือขาดองค์ประกอบความผิดไม่ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.