คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1454/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรวมจำหน่ายกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของโจทก์แก่บริษัท ม. มิใช่เป็นการก่อให้เกิดภาระติดพันแก่ตัวทรัพย์สิน เพราะตาม ป.พ.พ. มาตรา 1361 วรรคหนึ่ง โดยไม่ต้องรับความยินยอมจากจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของรวม
โจทก์จำหน่ายกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของโจทก์แก่บริษัท ม. เพื่อให้บริษัทดังกล่าวมีสิทธิใช้ที่ดินพิพาทในฐานะเจ้าของรวม ย่อมเป็นสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรวมคนหนึ่งที่จะกระทำได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 16423 เนื้อที่ 311 ตารางวา ร่วมกับจำเลยทั้งสอง ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นถนนที่โจทก์และจำเลยทั้งสองใช่ร่วมกัน เมื่อประมาณต้นเดือนกรกฎาคม 2543 โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสองส่งมอบโฉนดที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์เพื่อนำไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของโจทก์แก่บริษัทโมเดิร์นเฟรม จำกัด แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 16423 ตำบลหลักสอง อำเภอหนองแขม (ภาษีเจริญ) กรุงเทพมหานคร แก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ยอมส่งมอบหรือไม่สามารถส่งมอบโฉนดที่ดินแก่โจทก์ได้ ให้ถือคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง ถ้าโฉนดที่ดินสูญหายหรือถูกทำลาย ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนให้แก่โจทก์โดยจำเลยเสียค่าใช้จ่าย
จำเลยทั้งสองให้การทำนองเดียวกันว่า จำเลยทั้งสองและโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 16423 กรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นทางเข้าออกและเป็นภาระจำยอมของที่ดินโฉนดเลขที่ 83631, 83630, 49593 เจ้าของรวมไม่มีสิทธิก่อภาระผูกพันใดๆ เพิ่มอีก โจทก์ไม่เคยแจ้งเรื่องการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของโจทก์แก่บริษัทโมเดิร์นเฟรม จำกัด ให้เจ้าของรวมคนอื่นทราบ เมื่อโจทก์นำโฉนดที่ดินไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนของตนให้แก่บริษัทโมเดิร์นเฟรม จำกัด แล้วบริษัทดังกล่าวจะอนุญาตให้ผู้อื่นใช้ทางพิพาทด้วยเป็นการก่อภาระผูกพันในที่ดินพิพาทเพิ่มขึ้น จำเลยทั้งสองจึงไม่จำต้องส่งมอบโฉนดที่ดินพิพาทแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบต้นฉบับโฉนดที่ดินเลขที่ 16423 ตำบลหลักสอง อำเภอหนองแขม (ภาษีเจริญ) กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 311 ตารางวา แก่โจทก์ ถ้าโฉนดดังกล่าวสูญหายหรือถูกทำลายให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย กับให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท คำขอนอกจากนี้ให้ยก ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,500 บาท
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 16423 ตำบลหลักสอง อำเภอหนองแขม (ภาษีเจริญ) กรุงเทพมหานคร เอกสารหมาย จ.1 เดิมมีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ มีชื่อโจทก์ จำเลยที่ 2 และนายจรูญ ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ต่อมาเมื่อปี 2531 มีการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม โดยโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 83631 จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 49593 และนายจรูญเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 83630 คงเหลือที่ดินพิพาทเนื้อที่ 311 ตารางวา ซึ่งมีสภาพเป็นถนนคอนกรีตใช้เป็นทางเข้าออกของที่ดิน 3 แปลงดังกล่าว ต่อมาวันที่ 14 มิถุนายน 2543 นายจรูญขายที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของตนแก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 เป็นผู้เก็บรักษาโฉนดที่ดินพิพาทไว้ จำเลยที่ 2 เคยฟ้องโจทก์และนายจรูญขอให้จดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินพิพาทแก่ตนหนึ่งในสามส่วน คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง ปรากฏตามสำเนาคำพิพากษาศาลฎีกาเอกสารหมาย ล.3 ต่อมาโจทก์ได้ขายที่ดินโฉนดเลขที่ 83631 แก่บริษัทโมเดิร์นเฟรม จำกัด ซึ่งโจทก์มีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2543 โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบโฉนดที่ดินพิพาทแก่โจทก์เพื่อนำไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของโจทก์แก่บริษัทดังกล่าว แต่จำเลยที่ 1 เพิกเฉย ปรากฏตามหนังสือบอกกล่าวและใบตอบรับเอกสารหมาย จ.3 และ จ.4 ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 มีว่า จำเลยที่ 1 ต้องส่งมอบโฉนดที่ดินพิพาทแก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “เจ้าของรวมคนหนึ่งๆ จะจำหน่ายส่วนของตน หรือจำนอง หรือก่อให้เกิดภาระติดพันก็ได้” และความในวรรคสองบัญญัติว่า “แต่ทรัพย์สินนั้นจะจำหน่าย จำนำ จำนองหรือก่อให้เกิดภาระติดพันได้ก็แต่ด้วยความยินยอมแห่งเจ้าของรวมทุกคน” การที่โจทก์จำหน่ายกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของโจทก์แก่บริษัทโมเดิร์นเฟรม จำกัด มิใช่เป็นการก่อให้เกิดภาระติดพันแก่ตัวทรัพย์สิน ย่อมเป็นสิทธิของโจทก์ที่สามารถกระทำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรคหนึ่ง โดยไม่ต้องรับความยินยอมจากจำเลยทั้งสอง ปัญหาประการต่อมาที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า บริษัทโมเดิร์นเฟรม จำกัด จะนำที่ดินพิพาทไปหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็นการทำให้เสียสิทธิแก่จำเลยที่ 1 และเจ้าของรวมคนอื่นนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1360 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “เจ้าของรวมคนหนึ่งๆ มีสิทธิใช้ทรัพย์สินได้แต่การใช้นั้นต้องไม่ขัดต่อสิทธิแห่งเจ้าของรวมคนอื่นๆ” การที่โจทก์จำหน่ายกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของโจทก์แก่บริษัทโมเดิร์นเฟรม จำกัด เพื่อให้บริษัทดังกล่าวมีสิทธิใช้ที่ดินพิพาทในฐานะเจ้าของรวม จึงเป็นสิทธิของเจ้าของรวมคนหนึ่งๆ ที่จะกระทำได้ ทั้งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 ก็บัญญัติให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต จำเลยที่ 1 หามีสิทธิขัดขวางการจำหน่ายกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของโจทก์ไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบโฉนดที่ดินพิพาทแก่โจทก์นั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share