แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เปิดบัญชีกระแสรายวันกับธนาคารแล้ว ออกเช็คสั่งจ่ายเงินเกินจำนวนที่มีในบัญชี ธนาคารจะไม่จ่ายเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991(1) ก็ได้ ถ้าธนาคารจ่ายเงินไปตามเช็ค ผู้ฝากเงินต้องรับผิดต่อธนาคาร
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 13,386.80 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ15 ต่อปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยจ่ายเงิน 9,847.50 บาท กับดอกเบี้ยทบต้นร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ต่อจากวันที่ 6 เมษายน 2518 จ่ายดอกเบี้ยไม่ทบต้นจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้เป็นคดีที่ฎีกาได้เฉพาะแต่ปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234, 247 ซึ่งมีว่า จำเลยได้เปิดบัญชีเงินฝากประเภทกระแสรายวันไว้กับธนาคารโจทก์ สาขาปทุมวัน โดยมีหนังสือขอเปิดบัญชีตามระเบียบของธนาคาร ครั้นวันที่ 26 มกราคม 2516จำเลยได้ออกเช็คสั่งให้ธนาคารโจทก์จ่ายเงิน 10,000 บาทแก่ผู้ถือธนาคารโจทก์ได้จ่ายเงินตามเช็คนั้นให้ผู้ที่ถือมาเบิกเงินไปแล้ว เมื่อหักทอนบัญชีกับยอดเงินฝากที่จำเลยมีอยู่ในวันดังกล่าว ปรากฏว่าจำเลยเป็นหนี้ธนาคารโจทก์อยู่ 9,847บาท 50 สตางค์ หลังจากนั้นจำเลยมิได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินหรือนำเงินเข้าฝากเพื่อหักทอนหนี้กับธนาคารโจทก์อีก โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้และเลิกบัญชีเดินสะพัดกันตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2518 แต่จำเลยก็ไม่ชำระหนี้ให้ศาลฎีกาพิเคราะห์เห็นว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงว่าการสั่งจ่ายเช็คของจำเลยเป็นการสั่งจ่ายโดยในขณะสั่งจ่ายไม่มีเงินในบัญชีของจำเลยพอที่จะจ่ายตามเช็คนั้น ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991(1) ธนาคารโจทก์จะไม่จ่ายให้ก็ได้ แต่เมื่อธนาคารโจทก์ได้จ่ายไปตามที่จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายมาจำเลยก็มีหน้าที่จะต้องนำเงินส่วนที่โจทก์จ่ายเกินจากจำนวนที่มีอยู่ในบัญชีเงินฝากของจำเลยมาเข้าบัญชีชดใช้ให้โจทก์ ไม่ใช่ว่าถ้าลักษณะการติดต่อระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่เข้าแบบบัญชีเดินสะพัดหรือสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี จำเลยก็จะพ้นความรับผิด ไม่ต้องใช้เงินจำนวนนี้แก่โจทก์ดังที่จำเลยเข้าใจ ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นไปตามลักษณะบัญชีเดินสะพัดหรือไม่ ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ตกลงกับธนาคารโจทก์เบิกเงินเกินบัญชีเป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหรือไม่ รวมทั้งฎีกาที่ว่า ประมวลรัษฎากรได้กำหนดไว้ว่าการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารต้องเสียอากรแสตมป์ 10 สตางค์ต่อเงินทุกจำนวน 200 บาทหรือเศษของ 200 บาท แต่โจทก์เบิกความว่าได้ตกลงกันด้วยวาจาเป็นการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรจึงไม่ผูกพันจำเลย จึงไม่ใช่ปัญหาที่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับวินิจฉัย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายืน