แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คำพูดของจำเลยที่ด่าว่าผู้เสียหายต่อเด็กหญิงก. ว่า”ให้ไอ้อุ่มเอาควยตำหีตำแตด ครั้งก่อนเคยให้ไอ้อุ่มเอาควยตำหีตำปากไปทีหนึ่งแล้ว”และที่จำเลยพูดกับส. ว่า”เมื่อเช้าอีรุณ (หมายถึงผู้เสียหาย)มาแหกปากร้านลัดดากูเลยให้ลูกชายเอาควยทิ่มหีทิ่มปากกลับไป”มิใช่คำยืนยันใส่ความผู้เสียหายว่าเคยร่วมประเวณีกับนายอุ่ม นายอุ่มที่กล่าวถึงก็เป็นบุตรของจำเลยและยังเป็นเด็กไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นชู้กับผู้เสียหายไม่ทำให้บุคคลที่สามเข้าใจไปว่าผู้เสียหายมีความประพฤติไม่ดีเคยร่วมประเวณีกับนายอุ่ม ไม่หมิ่นประมาทตามป.อ.มาตรา326แต่เป็นคำด่าผู้เสียหายด้วยคำหยาบในที่ลับหลังผู้เสียหายซึ่งเป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตามมาตรา393 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามป.อ.มาตรา326ลงโทษสองกระทงเป็นจำคุก2เดือนปรับ2,000บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้2ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามป.อ.มาตรา393กระทงเดียวลงโทษปรับ1,000บาทเป็นคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทแม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้แต่ก็ยังคงลงโทษจำคุกหรือปรับจำเลยไม่เกินกำหนดดังกล่าวจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ.มาตรา219.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ด่านางอรุณ ปิ่นน้อย ผู้เสียหายซึ่งหน้าว่า “อีดอกทอง อีช้างเย็ด มาหาว่ากูลักไม้วัด ไอ้อุ่มเอาไม้มาตำหีมัน มันหาว่ากูลักไม้วัด อีดอกทอง อีพวกปากคันหีคัน ไอ้อุ่มมึงเอาไม้วัดมาที เอามาทะลวงหีมันให้ถึงปาก ไอ้อุ่มมึงเอาควยตำไปที่อีหีคันที่ไอ้อุ่มเคยเย็ดมึงคงยังไม่ถึงใจ ต้องให้ไออุ่มไปทะลวงหีใหม่ ทะลวงให้มันถึงปาก” อันเป็นการดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า และจำเลยได้กล่าววาจาหมิ่นประมาทใส่ความผู้เสียหายต่อหน้าเด็กหญิงกันทิมา ภูมี ว่า “ให้ไอ้อุ่มเอาควยตำหี่ตำแตด ครั้งก่อนเคยให้ไอ้อุ่มเอาควยตำหี ตำปากไปทีหนึ่งแล้ว” ซึ่งมีความหมายถึงและทำให้เด็กหญิงกันทิมา ภูมี และบุคคลที่ได้ยินเข้าใจว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงมีสามีมีความประพฤติไม่ดีในทางประเวณี เคยร่วมประเวณีกับนายอุ่มซึ่งมิใช่สามีของผู้เสียหาย และจำเลยยังได้กล่าววาจาหมิ่นประมาทใส่ความผู้เสียหายต่อหน้านายสมบูรณ์ จูโต ว่า”เมื่อเช้าอีรุณมาแหกปากร้านลัดดา กูเลยให้ลูกชายเอาควยทิ่มหีทิ่มปากกลับไป” ซึ่งหมายถึงและทำให้นายสมบูรณ์ จูโต และบุคคลที่ได้ยินเข้าใจว่าในตอนเช้าของวันดังกล่าวผู้เสียหายได้มาทำเสียงดังที่ร้านลัดดา และจำเลยได้ให้บุตรชายของจำเลยร่วมประเวณีกับผู้เสียหายในตอนเช้านั่นเอง ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงมีสามีได้ร่วมประเวณีกับชายอื่น อันเป็นความเท็จซึ่งการใส่ความผู้เสียหายดังกล่าวโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังได้ เป็นการหมิ่นประมาทผู้เสียหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 393, 91คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม2519 ข้อ 7, 9 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ลงโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 1,000 บาท รวม 2 กรรมจำคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท ไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ลงดทษปรับ 1,000 บาทข้อหานอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ลงโทษสองกระทงเป็นจำคุก2 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393ประกาศของคณะปฎิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21ตุลาคม 2519 กระทงเดียว ลงโทษปรับ 1,000 บาท เป็นคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหมื่นบาทศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ แต่ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินกำหนดหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหมื่นบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ มาตรา 219 คงมีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาโจทก์ว่าคำกล่าวของจำเลยตามฟ้องเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความผู้เสียหายหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเริ่มด่าผู้เสียหายด้วยคำหยาบคายในตอนเช้าวันเกิดเหตุขณะที่ผู้เสียหายซื้อกับข้าวอยู่ที่บ้านนางลัดดา จนผู้เสียหายกลับไป จำเลยก็ยังคงด่าว่าผู้เสียหายต่อหน้าเด็กหญิงกันทิมา ภูมีว่า “ให้ไอ้อุ่มเอาควยตำหีตำแตด ครั้งก่อนเคยให้ไอ้อุ่มเอาควยตำหีตำปากไปทีหนึ่งแล้ว” และในตอนเย็นวันเกิดเหตุจำเลยได้พูดกับนายสมบูรณ์ จูโต ว่า “เมื่อเช้าอีรุณมาแหกปากร้านลัดดา กูเลยให้ลูกชายเอาควยทิ่มหีทิ่มปากกลับไป” พิจารณาแล้วเห็นว่าคำพูดของจำเลยดังกล่าวไม่ได้เป็นคำยืนยันใส่ความผู้เสียหายว่าเคยร่วมประเวณีกับนายอุ่มอันจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียงหรือถุกดูหมิ่นเกลียดชัง นายอุ่มที่กล่าวถึงก็เป็นบุตรของจำเลยและยังเป็นเด็ก ไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นชู้กับผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่รุ่นเดียวกับจำเลย ไม่ทำให้เด็กหญิงกันทิมา นายสมบูรณ์หรือบุคคลที่สามเข้าใจไปว่าผู้เสียหายมีความประพฤติไม่ดี เคยร่วมประเวณีกับนายอุ่ม แต่เป็นคำด่าผู้เสียหายด้วยคำหยาบในที่ลับหลังผู้เสียหายคำกล่าวของจำเลยตามฟ้องข้อ 1 ข. และ ค. จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทใส่ความผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งหน้ากรรมเดียว ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษา.