คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3333/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฎีกาที่อ้างเหตุอย่างเดียวกับที่อุทธรณ์ โดยมิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ว่าไม่ชอบ หรือผิดพลาดข้อไหนอย่างไร เป็นฎีกาที่ขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอหย่าขาดจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภริยาอ้างว่าจำเลยที่ 1 มีชู้กับจำเลยที่ 2 กับขอเรียกค่าทดแทนจากจำเลยทั้งสอง

จำเลยทั้งสองให้การว่าไม่ได้เป็นชู้กัน ไม่มีเหตุหย่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทน

ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 ถึงแก่กรรม โจทก์ยื่นคำร้องว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1 และไม่ติดใจเรียกค่าทดแทนในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1

เมื่อสืบพยานโจทก์ไปได้หลายปากแล้ว โจทก์กับจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ความว่าจำเลยที่ 2 ยอมรับผิดตามฟ้อง โจทก์ไม่ติดใจเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่ 2 และจะไม่จัดการทางวินัยแก่จำเลยที่ 2 อีก โจทก์และจำเลยที่ 2 ยอมเลิกคดีต่อกัน ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า หลังจากทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้ว โจทก์ร่างคำร้องขอถ่ายสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมโดยผู้บังคับการกรมผสมที่ 5 ลงชื่อขอคัด เพื่อดำเนินคดีทางวินัยแก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นการหลอกลวงและฉ้อฉลจำเลยที่ 2 จนจำเลยที่ 2 หลงเชื่อจึงได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิกถอนคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของโจทก์ที่จำเลยที่ 2 อ้างในอุทธรณ์ว่าเป็นการหลอกลวงและฉ้อฉลให้จำเลยที่ 2 หลงเชื่อจึงเข้าทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันนั้นเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นหลังจากที่โจทก์และจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้ว มิใช่เป็นกรณีที่โจทก์ฉ้อฉลให้จำเลยที่ 2 เข้าทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์อย่างใด กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นให้มีสิทธิอุทธรณ์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 2 ฎีกา อ้างเหตุอย่างเดียวกับที่อุทธรณ์

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 คงอ้างเหตุอย่างเดียวกับที่อุทธรณ์โดยฎีกาของจำเลยที่ 2 มิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 เป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์นั้นว่า เป็นการไม่ชอบหรือผิดพลาดข้อไหนอย่างไรแต่ประการใดเลยจึงเป็นฎีกาที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้

พิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลยที่ 2 ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลยที่ 2 ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share