คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5979/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายจำเลยทราบวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยชอบแล้วไม่มาศาล ต้องถือว่าจำเลยทราบคำพิพากษา ศาลชั้นต้นโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษา เมื่อนับแต่วันพิพากษาถึงวันครบกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์แก่จำเลยในครั้งที่สองรวมแล้วเป็นเวลาถึง 86 วัน และ เมื่อทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่สาม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเตือนทนายจำเลยในคำร้อง ขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่สามของทนายจำเลยแล้วว่าการยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์โดยอ้าง เหตุเดิมเป็นความเฉื่อยชาของจำเลย ไม่ยุติธรรมแก่ฝ่ายโจทก์ แต่ก็ยังให้โอกาสจำเลยอีกครั้ง ทนายจำเลยกลับมายื่น คำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์อีกเป็นครั้งที่สี่อ้างเหตุเดิมอย่างลอย ๆ ทั้งฎีกาของจำเลยก็ยอมรับว่า การอ้างเหตุเดิม เพื่อขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เนื่องจากเป็นแบบพิมพ์ของพนักงานอัยการที่ใช้ร่างขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ซึ่งในบางครั้งอาจมีข้อความที่คลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริงไปเพราะความพลั้งเผลอในการตรวจสอบข้อความโดยไม่ได้อ้างว่ามีพฤติการณ์พิเศษอย่างไร เห็นได้ว่าฝ่ายจำเลยไม่ได้ให้ความสำคัญต่อคำสั่งของศาลชั้นต้นและระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ที่ศาลชั้นต้นขยายให้ การที่จำเลยไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดที่ศาลชั้นต้นขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้ เป็นเพราะความบกพร่องของฝ่ายจำเลย จึงมิใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๔๒ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๔,๑๗๕,๒๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ทั้งสิบ จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลา ยื่นอุทธรณ์ครั้งแรกเป็นเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันครบกำหนดอ้างว่ายังไม่ได้รับสำเนาคำพิพากษาที่ขอถ่าย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต ต่อมาวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๒ จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่สองอีก ๓๐ วัน อ้างว่าจำเลยที่ ๑ เป็นกรมในรัฐบาล จำเลยที่ ๑ จะต้องเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ทนายจำเลยทั้งสองยังไม่ได้รับแจ้งจากจำเลยทั้งสองว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ ศาลชั้นต้น มีคำสั่งอนุญาตโดยให้จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ภายในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ แต่ในวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่สามอีก ๓๐ วัน อ้างเหตุเดิม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายระยะเวลาให้จนถึงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ ต่อมาวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลา ยื่นอุทธรณ์ครั้งที่สี่อีก ๓๐ วัน โดยอ้างเหตุอย่างเดิมอีก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ข้ออ้างทนายจำเลยเป็นข้ออ้างเดิม ไม่มีเหตุผลเพียงพอ ไม่อนุญาต ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองพิจารณาแล้ว เห็นว่า ทนายจำเลยทั้งสองทราบวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยชอบแล้ว ไม่มาศาล ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองทราบคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วตั้งแต่วันที่ ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาในวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๔๒ ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเมื่อนับแต่วันพิพากษาถึงวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ของระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายให้เป็นเวลาถึง ๘๖ วัน จึงไม่ได้คลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริง และเห็นว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเตือนทนายจำเลยทั้งสองในคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่สามของทนายจำเลยทั้งสองแล้วว่า การยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่สามของทนายจำเลยทั้งสองโดยอ้างเหตุเดิมนั้นเป็นความเฉื่อยชาของจำเลยทั้งสอง ไม่ยุติธรรมแก่ฝ่ายโจทก์ แต่ก็ยังให้โอกาสจำเลยทั้งสองอีกครั้งโดยขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้ จนถึงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ ครั้นวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ ทนายจำเลยทั้งสองกลับมายื่นคำร้องขอขยายระยะเวลา ยื่นอุทธรณ์อีกเป็นครั้งที่สี่อ้างเหตุเดิมอย่างลอย ๆ โดยไม่ปรากฏหลักฐานว่าทนายจำเลยทั้งสองกับจำเลยทั้งสองติดต่อกันอย่างไร เมื่อใดบ้าง มีเหตุขัดข้องตามระเบียบข้อบังคับของฝ่ายจำเลยอย่างไรที่ทำให้ไม่อาจพิจารณาชี้ขาดว่า จะอุทธรณ์หรือไม่ หรือมีข้อขัดข้องอย่างไรจึงดำเนินการเบิกจ่ายเงินค่าธรรมเนียมในการดำเนินคดีไม่ได้ ทั้งฎีกาของจำเลยทั้งสองกลับยอมรับว่า การอ้างเหตุเดิมเพื่อขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ก็เนื่องจากเป็นแบบพิมพ์ของพนักงานอัยการที่ใช้ร่างขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ซึ่งในบางครั้งอาจมีข้อความที่คลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริงไปเพราะ ความพลั้งเผลอในการตรวจสอบข้อความ โดยไม่ได้อ้างว่ามีพฤติการณ์พิเศษอย่างไร แสดงให้เห็นได้ว่าฝ่ายจำเลยไม่ได้ให้ความสำคัญต่อคำสั่งของศาลชั้นต้นและระยะเวลายื่นอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นขยายให้ การที่จำเลยทั้งสองไม่สามารถ ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดที่ศาลชั้นต้นขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้ในครั้งที่สามเป็นเพราะความบกพร่องของฝ่ายจำเลย มิใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ อีก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่สี่ของจำเลยทั้งสองชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share