คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3185/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อกรมธรรม์ประกันภัยมิได้กำหนดเงื่อนไขไว้ว่าจำเลยที่4ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกก็แต่เฉพาะในกรณีผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ครอบครองและใช้รถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้เท่านั้นแต่กำหนดไว้เพียงว่าเมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดตามกฎหมายผู้รับประกันภัยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยดังนั้นแม้ขณะเกิดเหตุจำเลยที่3ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่2และเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดจะไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้ครอบครองและใช้รถยนต์เพราะได้ให้จำเลยที่2เช่าซื้อไปแต่จำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่2ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยที่3ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่2ตามป.พ.พ.มาตรา1070,1077(2)ประกอบด้วยมาตรา1080เมื่อจำเลยที่3ยังต้องรับผิดดังกล่าวจำเลยที่4จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ด้วย ตามกรมธรรม์ประกันภัยมิได้ระบุเป็นข้อยกเว้นไว้ว่าผู้รับประกันภัยจะรับผิดแต่เฉพาะค่าซ่อมรถหรือค่าเสื่อมราคาเท่านั้นฉะนั้นเมื่อจำเลยที่3ต้องรับผิดใช้ค่าเช่ารถและค่าขาดประโยชน์ให้แก่โจทก์จำเลยที่4ก็ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายดังกล่าวให้แก่โจทก์ด้วย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 4 โดยประมาทเลินเล่อพุ่งชนท้ายรถโจทก์ เป็นเหตุให้รถโจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผูัจัดการของจำเลยที่ 2 ขอให้ดจำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 241,710.23 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์ตามฟ้อง ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 1 มิใช่คนขับรถดังโจทก์อ้าง และมิใช่ลูกจ้างของดจำเลยที่ 2 เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่อของคนขับรถโจทก์ โจทก์มิได้เสียหายดังฟ้อง จำเลยที่ 4 รับประกันภัยค้ำจุนจากจำเลยที่ 3 โดยจำกัะดความรับผิดแต่เฉพาะค่าซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากการชนในวงเงินไม่เกิน100,000 บาท หาได้คุ้มครองถึงความเสียหายที่ขาดประโยชน์หรือขาดรายได้จากการใช้รถไม่ จำเลยที่ 4 จะรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่บุคคลภายนอก ก็ต่อเมื่อเป็นกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ครอบครองใช้รถที่เอาประกันภัย และผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอกในเหตุที่รถชนกันนั้นโดยตรง คดีนี้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถที่เอาประกันภัยไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 4
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์รวมเป็นเงิน 71,630.23 บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 1,500 บาทเฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยใช้แทนเท่าที่โจทก์ชนะคดี
จำเลยที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ 1,000 บาท
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยที่ 2เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยมีจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน น.ฐ.01975แต่จำเลยที่ 3 ได้ให้จำเลยที่ 2 เช่าซื้อไป และจำเลยที่ 3 ได้เอารถยนต์คันดังกล่าวนั้นประกันภัยค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 4 ในวันเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถคันดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทเลินเล่อชนท้ายรถยนต์หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร 2 น -0837ซึ่งโจทก์เช่าจากบริษัทไทยฮีโน่มอเตอร์เซลส์ จำกัด มาใช้ในกิจการของโจทก์ได้รับความเสียหาย และทำให้ของที่โจทก์รับจ้างบรรทุกมานั้นเสียหายอีกด้วย ซึ่งโจทก์ได้ชดใช้ค่าเสียหายสำหรับของที่เสียหายนั้นไปแล้ว
ปัญหาวินิจฉัยข้อแรกมีว่า จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์หรือไม่ โดยจำเลยที่ 4 ฎีกาว่า จำเลยที่ 4 รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์หมายเลขทะเบียน น.ฐ. 01975 ไว้จากจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 4 จะรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อจำเลยที่ 3 จะต้องรับผิด แต่ขณะเกิดเหตุรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ได้โอนไปอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องรับผิด เพราะจำเลยที่ 4 ไม่มีหน้าที่ใช้ค่าเสียหายแทนจำเลยที่ 2 พิเคราะห์แล้วปรากฎว่าหลังจากจำเลยที่ 3 ได้ให้จำเลยที่ 2 เช่าซื้อรถยนต์หมายเลขทะเบียน น.ฐ. 01975ไปแล้ว ต่อมาเมื่อสัญญาประกันภัยหมดอายุ จำเลยที่ 3 ก็ได้เอารถยนต์คันดังกล่าวประกันวินาศภัยและประกันภัยค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 4 อีกดังปรากฎตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย ล.1 นี้ ในหมวดที่ 2 ว่าด้วยสัญญาคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ข้อ 2.3 ได้ระบุไว้ว่า “บริษัท(จำเลยที่ 4) จะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย ซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดตามกฎหมาย เพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัย…” ในปัญหาที่ว่าจำเลยที่ 4 จะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์หรือไม่นี้ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ตามสัญญาข้อ 2.3 ดังกล่าวแล้วนั้นได้กำหนดไว้ว่าจำเลยที่ 4 ในฐานะผู้รับประกันภัยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยเพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอกในเมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดตามกฎหมาย ซึ่งตามสัญญาดังกล่าวนี้กำหนดไว้แต่เพียงว่า เมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดตามกฎหมายแล้ว จำเลกฎหมายแล้ว จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นในนามของผู้เอาประกันภัยตามข้อสัญญาดังกล่าวมิได้กำหนดเงื่อนไขไว้เป็นการเฉพาะเจาะจงว่าจำเลยที่ 4จะใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกก็แต่เฉพาะในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ครอบครองและใช้รถที่เอาประกันภัยเท่านั้น ฉะนั้นถึงแม้ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 3 จะไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้ครอบครองใช้รถก็ตาม เพราะได้ให้จำเลยที่ 2 เช่าซื้อไปแล้วแต่คดีนี้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายขึ้นเช่นนี้ จำเลยที่ 3ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 2 และเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิด จะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1070, 1077(2) ประกอบด้วยมาตรา 1080 เมื่อจำเลยที่ 3 ยังจะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวแล้ว จำเลยที่ 4ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุน จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยข้อ 2.3 ฎีกาจำเลยที่ 4 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่จะวินิจฉัยต่อไปก็คือ จำเลยที่ 4 จะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายในการที่โจทก์ต้องเสียค่าเช่ารถและขาดประโยชน์ในระหว่างที่ทำการซ่อมรถนั้นหรือไม่ โดยจำเลยที่ 4ฎีกาว่า ตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ 2.3 จำเลยที่ 4 รับผิดแต่เฉพาะค่าซ่อมหรือค่าเสื่อมสภาพของรถยนต์ซึ่งเป็นตัวทรัพย์เท่านั้นไม่ต้องรับผิดในค่าเช่าและค่าขาดประโยชน์แต่อย่างใด พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามสัญญาข้อ 2.3 ซึ่งศาลฎีกาได้ยกขึ้นกล่าวแล้วข้างต้นนั้น ได้กำหนดไว้แต่เพียงว่า เมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายให้แก่บุคคลภายนอก จำเลยที่ 4 จะใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ในนามของผู้เอาประกันภัย ซึ่งตามสัญญาข้อนี้มิได้ระบุเป็นข้อยกเว้นไว้ว่า ผู้รับประกันภัยจะรับผิดแต่เฉพาะค่าซ่อมรถหรือค่าเสื่อมราคาเท่านั้น จะไม่รับผิดในค่าขาดประโยชน์หรือค่าเสียหายอื่นใดอีก ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 3ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดใช้ค่าเช่ารถและค่าขาดประโยชน์ให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนก็ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน สำหรับความเสียหายดังกล่าวให้แก่โจทก์อีกด้วยฎีกาจำเลยที่ 4 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน…”
พิพากษายืน ให้ดดจำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์ 1,000 บาท.

Share