คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3314/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะเป็นผู้ประกอบการค้าเรียกเอาของที่ได้ส่งมอบซึ่งมีอายุความ 2 ปี ตามมาตรา 193/34 (1) ก็ตาม แต่ความในตอนท้ายของมาตรานี้บัญญัติกรณีเป็นข้อยกเว้นที่ไม่อยู่ในกำหนดอายุความ 2 ปี ไว้ว่า เว้นแต่เป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง ซึ่งต้องพิจารณาถึงกิจการของลูกหนี้ว่าประกอบกิจการประเภทใดเป็นกรณีไป การที่จำเลยทั้งสองซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากโจทก์ไปใช้กับรถยนต์โดยสาร โดยที่จำเลยทั้งสองประกอบกิจการรับจ้างขนส่งคนโดยสารและขนส่งสินค้า ย่อมถือได้ว่าจำเลยทั้งสองซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากโจทก์เพื่อใช้ในกิจการของจำเลยทั้งสอง อันเป็นกรณีที่ต้องด้วยข้อยกเว้น ไม่อยู่ในกำหนดอายุความ 2 ปี ตามความในตอนท้ายของ ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (1) แต่มีอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 96,801 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 75,923 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 75,923 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 กันยายน 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 20,878 บาท ตามที่โจทก์ขอ กับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 2,000 บาท
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยทั้งสอง ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ประกอบกิจการขายน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนจำเลยทั้งสองประกอบกิจการรับจ้างขนส่งคนโดยสารและขนส่งสินค้า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2540 ถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2540 จำเลยทั้งสองซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากโจทก์ไปใช้กับรถยนต์ขนส่งในกิจการของจำเลยทั้งสอง โดยมีข้อตกลงให้ชำระหนี้ภายใน 30 วัน นับแต่วันซื้อ แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองเพียงว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยทั้งสองซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากโจทก์ไปใช้กับรถยนต์โดยสาร มิใช่เป็นการซื้อจำนวนมาก ๆ แล้วนำไปจำหน่ายต่อ หรือนำไปใช้ผลิตสินค้าเพื่อจำหน่าย แต่เป็นการใช้เฉพาะในกิจการของจำเลยทั้งสอง สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีกำหนดอายุความสองปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (1) มิใช่มีกำหนดอายุความห้าปีตามมาตรา 193/33 (5) คดีโจทก์จึงขาดอายุความนั้น เห็นว่า แม้โจทก์จะเป็นผู้ประกอบการค้าเรียกเอาค่าของที่ได้ส่งมอบซึ่งมีกำหนดอายุความสองปีตามมาตรา 193/34 (1) ก็ตาม แต่ความในตอนท้ายของมาตรา 193/34 (1) บัญญัติกรณีเป็นข้อยกเว้นที่ไม่อยู่ในกำหนดอายุความสองปีไว้ว่า เว้นแต่เป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง ซึ่งต้องพิจารณาถึงกิจการของลูกหนี้ว่าประกอบกิจการประเภทใดเป็นกรณีไป การที่จำเลยทั้งสองซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากโจทก์ไปใช้กับรถยนต์โดยสาร โดยที่จำเลยทั้งสองประกอบกิจการรับจ้างขนส่งคนโดยสารและขนส่งสินค้า ย่อมถือได้ว่าจำเลยทั้งสองซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากโจทก์เพื่อใช้ในกิจการของจำเลยทั้งสอง อันเป็นกรณีที่ต้องด้วยข้อยกเว้นไม่อยู่ในกำหนดอายุความสองปีตามความในตอนท้ายของมาตรา 193/34 (1) แล้ว ทั้งนี้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยทั้งสองซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากโจทก์เพื่อนำไปจำหน่ายต่อ หรือนำไปใช้ผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายหรือไม่ ตามที่จำเลยทั้งสองกล่าวอ้าง สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีกำหนดอายุความห้าปีตามมาตรา 193/33 (5) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,500 บาท แทนโจทก์.

Share