แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จะซื้อขายที่ดินและตึกแถวเพียงแต่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แสดงว่าได้มีการจะซื้อขายกันจริงก็เป็นการเพียงพอ เพราะกฎหมายมิได้บังคับว่า ต้องทำสัญญาเป็นหนังสือ
ย่อยาว
คดีได้ความว่า จำเลยที่ ๑ ตกลงขายที่ดินและห้องแถวให้แก่โจทก์ด้วยวาจา ตามราคาที่ฟ้อง แล้วจำเลยที่ ๑ มอบเอกสารท้ายฟ้องไปให้อำเภอประกาศโฆษณารังวัด เพราะเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ มีแต่หนังสือสัญญาซื้อขายของอำเภอเท่านั้น ต่อมาจำเลยบิดพลิ้วไม่ปฏิบัติตามสัญญา โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า หนังสือของจำเลยถึงคณะกรมการอำเภอนั้น ไม่ใช่คำมั่นในการซื้อขาย หรือสัญญาจะซื้อขาย โจทก์ไม่มีสิทธิจะบังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินรายพิพาทนี้ได้ พิพากษากลับศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าปัญหาที่จะต้องพิเคราะห์ก็คือหนังสือที่จำเลยมีไปถึงกรมการอำเภอนั้น จะเป็นหลักฐานแห่งสัญญาซื้อขายรายนี้โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หนังสือฉบับที่ว่านี้มีข้อความดังนี้ เรียนคณะกรมการอำเภอเมืองอุบล
ด้วยข้าพเจ้า นางพวง สุระพัฒน์ มีที่ดินอยู่ ๑ แห่ง พอใจจะขายให้แก่นายพ่วง สมหมาย ถือ ตึก ๒ ชั้น แต่ห้องเลขที่ ๑๑๔๒-๔๖ เพราะฉนั้นข้าพเจ้าจึงได้เขียนคำร้องมายังคณะกรมการอำเภอ เพื่อขอร้องให้เจ้าหน้าที่ไปทำการรังวัดด้วยแล้วแต่จะกรุณา แล้วเซ็นชื่อจำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่าหนังสือของจำเลยที่มีถึงกรมการอำเภอฉบับนี้เป็นหลักฐานอันเพียงพอตามกฎหมายแล้ว เพราะแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยโดยชัดแจ้งว่า ได้ตกลงขายที่พิพาทนี้ให้แก่โจทก์ กฎหมายในเรื่องนี้ประสงค์ให้มีหลักฐานเป็นหนังสือเท่านั้นไม่ใช่ต้องทำสัญญาเป็นหนังสือ และที่กฎหมายบัญญัติถึงการวางประจำหรือการชำระหนี้บางส่วน ก็ให้เป็นการใช้ได้นั้น ก็ย่อมเห็นความประสงค์ของกฎหมายในเรื่องนี้ว่า หากจะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ เพียงแต่มีการกระทำดังว่า เพื่อแสดงให้เห็นเจตนาชัดแจ้งก็พอแล้ว พิพากษากลับให้จำเลยขายที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา