แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้ยืมและจำนอง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิจารณาคดีเป็นคดีไม่มีข้อยุ่งยาก จำเลยให้การต่อสู้คดี ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือร้องขอเลื่อนคดี ต้องถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 193 ทวิ วรรคหนึ่งได้ กรณีเช่นนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้โจทก์มีคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ ดังนั้น โจทก์จึงไม่อาจยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๖,๐๙๓,๓๕๑.๖๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๔.๕๐ ต่อปี ของต้นเงิน ๓,๔๑๕,๓๐๖.๗๑ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องของโจทก์ดังกล่าวอ้างว่า โจทก์ไม่จงใจที่จะไม่มาศาล แต่ทนายโจทก์ป่วยจึงมาศาลไม่ได้ ขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวน แล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีและให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป โจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นผิดระเบียบแต่อย่างใด ทั้งตามคำร้องของโจทก์ก็ระบุว่าเป็นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ จึงถือได้ว่าคำร้องของโจทก์เป็นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ แต่การที่โจทก์ทราบคำสั่งให้มาศาลแล้วโจทก์ไม่มาในวันนัดพิจารณาโดยมิได้ร้องขอเลื่อนหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาล ต้องถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๙๓ ทวิ วรรคหนึ่ง และกรณีเช่นนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้โจทก์มีคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ ดังนั้น โจทก์จึงไม่อาจยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.