แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่รับ คืนค่าขึ้นศาล ทั้งหมดให้จำเลย
จำเลยเห็นว่า ตามฎีกาของจำเลยเป็นเรื่องการตีความสัญญาจองอาคารเอกสารหมาย จ.10 ล.2 ข้อ 5 โดยพิจารณาจาก ข้อความในสัญญาและจากข้อเท็จจริงที่ฟังยุติแล้วในการส่งเงิน ค่าเช่า ค่าบำรุงของจำเลย และในเรื่องดังกล่าวศาลชั้นต้น กลับไปวินิจฉัยว่าเรื่องค่าเช่าค่าบำรุงจำเลยปฏิบัติผิดสัญญา ซึ่งศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีไม่ถูกต้องและครบถ้วน ตามข้อเท็จจริงที่ได้จากการนำสืบพยานบุคคลและเอกสารของโจทก์ และจำเลย จึงเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติว่าด้วย กระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 140)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง 3,680 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจาก อาคารเลขที่ 131/1 ถนนชุมพล ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา และส่งมอบอาคารคืน แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย กับให้ชำระค่าเสียหายเดือนละ 4,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบอาคารคืนแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้อง ใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 132)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 136)
คำสั่ง
ฎีกาของจำเลยในข้อที่ว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของ จำเลยต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเป็นคำวินิจฉัยที่ ไม่ถูกต้องนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายจึงให้รับฎีกาเฉพาะข้อที่กล่าวนี้ไว้