แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำบรรยายฟ้องที่ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๖ เวลากลางวัน จำเลยโดยเจตนาทุจริต ได้ขายโรงเรือนไม่มีเลขหมาย ตำบลเชิงเนิน อำเภอเมืองระยองจังหวัดระยอง ๑ หลัง ให้โจทก์ในราคา ๔,๐๐๐ บาท โดยหลอกลวงแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจะไปจดทะเบียนการซื้อขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในภายหลัง โจทก์หลงเชื่อจึงยอมทำสัญญาจะซื้อขายอันเป็นเอกสารสิทธิและมอบเงิน ๔,๐๐๐ บาทให้จำเลยไป เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๑๑ จำเลยได้นำโรงเรือนซึ่งจำเลยทำสัญญาจะซื้อขายให้โจทก์และรับเงินค่าซื้อขายไปแล้ว และมอบเรือนให้โจทก์ครอบครองแล้ว ไปทำสัญญาซื้อขายให้นายสวง สุขศิริซ้ำอีก เหตุเกิดที่ตำบลท่าประดู่ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑
ศาลชั้นต้นสั่งคำฟ้องว่า ตามข้อเท็จจริงที่บรรยายมาในฟ้องไม่มีมูลเป็นความผิดทางอาญา ยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๖๑
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวถึงการกระทำของจำเลยที่ทำสัญญาจะซื้อขายเรือนกับโจทก์นั้น โจทก์เองก็ยอมรับเป็นความจริง มิใช่เกิดจากการที่จำเลยแสดงข้อความอันเป็นเท็จหลอกลวงโจทก์ กล่าวคือ จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายโรงเรือนของจำเลยให้โจทก์ในราคา ๔,๐๐๐ บาท และจำเลยรับเงินไปจากโจทก์ ๔,๐๐๐ บาท อีกทั้งจำเลยมอบโรงเรือนดังกล่าวให้โจทก์ครอบครองไปแล้วตามสัญญาจะซื้อขาย แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยหลอกลวงแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจะไปจดทะเบียนการซื้อขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในภายหลัง โจทก์หลงเชื่อจึงยอมทำสัญญาจะซื้อขายและมอบเงิน ๔,๐๐๐ บาท ให้จำเลยไปก็ดี หาใช่ข้อความอันเป็นเท็จไม่ เพราะการที่โจทก์เข้าทำสัญญาจะซื้อขายเรือนกับจำเลยเป็นความจริง โจทก์ได้ครอบครองเรือนแล้ว การจะไปจดทะเบียนการซื้อขายในภายหลังเป็นข้อตกลงตามสัญญาจะซื้อขายที่โจทก์จำเลยตกลงทำกันไว้ แม้ต่อมาจำเลยจะไปทำสัญญาซื้อขายเรือนหลังนี้ให้นายสวงสุขศิริ อีกก็เป็นเรื่องผิดสัญญา โจทก์ชอบที่จะว่ากล่าวกับจำเลยในทางแพ่งคดีไม่มีมูลความผิดทางอาญาฐานฉ้อโกง
พิพากษายืน