คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3307/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กู้ยืมเงินในวันเดียวกับที่ลูกหนี้ไปค้ำประกันเงินกู้ของบริษัท โดยการกู้ยืมเงินทั้งหมดมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ลูกหนี้ได้กิจการของบริษัทนั้นมา เมื่อไม่ปรากฏว่าลูกหนี้มีหนี้สินอื่นใดมาก่อน จึงมิใช่กรณีเจ้าหนี้ให้ลูกหนี้ก่อหนี้ขึ้นโดยรู้อยู่ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งแก่โจทก์จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งเป็นหนี้ซึ่งโจทก์ยอมให้จำเลยกระทำขึ้นเมื่อโจทก์ได้รู้ถึงการที่จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ขณะที่จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินจากโจทก์นั้นแม้จำเลยที่ 1 จะได้ก่อหนี้ขึ้นกับธนาคารโดยบริษัทอีก้าทัวร์เป็นผู้กู้ยืมเงิน และจำเลยทั้งสองค้ำประกันก็ตาม ก็เป็นเพียงการก่อหนี้ขึ้นเพื่อให้ได้กิจการของบริษัทอีก้าทัวร์มา ซึ่งอาจจะดำเนินกิจการต่อไปและมีกำไรปลดเปลื้อหนี้สินได้ในภายหลัง ทั้งจำเลยทั้งสองก็เป็นเพียงผู้ค้ำประกันต่อะนาคารเท่านั้นมิใช่เป็นผู้กู้ยืมเงินเองโดยตรง จึงยังถือไม่ได้ว่าขณะนั้นจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวส่วนการที่โจทก์ให้จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงิน 1,000,000 บาท ก็เพื่อนำมาดำเนินกิจการของบริษัทอีก้าทัวร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการก่อหนี้ขึ้นในคราวเดียวกับการรับซื้อบริษัทอีก้าทัวร์นั้นเอง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินอื่นใดมาก่อน การกู้ยืมเงินจากโจทก์จึงมิใช่กรณีโจทก์ให้จำเลยทั้งสองก่อหนี้ขึ้นโดยรู้อยู่ว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัว ปัญหาต่อไปมีว่า มีเหตุที่ไม่สมควรให้จำเลยทั้งสองล้มละลายหรือไม่ เห็นว่า จำเลยทั้งสองก่อหนี้ขึ้นแล้วไม่ชำระจนโจทก์ฟ้องคดีและศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ แต่จำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินอื่นใดจะชำระหนี้ได้รวมทั้งหนี้ที่จำเลยทั้งสองก่อขึ้นกับธนาคารอันเนื่องมาจากการรับโอนกิจการของบริษัทอีก้าทัวร์มาก็ยังไม่เคยชำระ จำเลยทั้งสองจึงเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว โดยไม่ปรากฏเหตุที่ไม่สมควรพิพากษาให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย ศาลย่อมมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยทั้งสองได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยทั้งสองชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share