แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยและให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน 15 วัน พ้นกำหนดแล้ว 12 วันทนายจำเลยจึงยื่นคำร้องว่าป่วยไม่สามารถนำหมายภายในกำหนดขอนำส่งอีกครั้งดังนี้ ถือว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) จึงเป็นการทิ้งฟ้อง
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินกู้ตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ วันที่ 30 ธันวาคม 2500 และให้ผู้อุทธรณ์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน 15 วัน จำเลยไม่ได้มานำหมายนัดส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ตามคำสั่งศาล วันที่ 27 มกราคม 2501 ทนายจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ว่า ทนายจำเลยป่วยไม่สามารถมานำหมายภายในกำหนด ขอนำส่งอีกครั้ง โดยจำเลยจะเป็นผู้นำส่งเอง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า จำเลยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนด ล่วงเลยเวลามาจนถึง 12 วัน ถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องให้จำหน่ายคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายอุทธรณ์ จำเลยย่อมอยู่ในฐานะเป็นโจทก์ชั้นอุทธรณ์ แม้ทนายจำเลยหายป่วยแล้วก็ยังพักผ่อนอีก เวลาจึงได้ล่วงเลยต่อมา ดังนี้ เป็นการเพิกเฉยต่อการที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล พฤติการณ์จึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) จึงเป็นการทิ้งฟ้อง
พิพากษายืน