คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเพียงแต่เซ็นในใบยืมตามหน้าที่และภายในขอบเขตแห่งหน้าที่ของตนตามระเบียบแบบแผนของทางราชการเพื่อให้งานได้ดำเนินไปได้โดยเรียบร้อยจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องอย่างใดกับเงินนั้นเลยโดยประธานกรรมการมอบหมายหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลังควบคุมเงินจำนวนนี้เอาไปดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ขององค์การสรรพาหารถือว่าจำเลยมิได้อยู่ในฐานะของผู้ยืมตามกฎหมาย และจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัวแต่ถ้าจำเลยกระทำการนอกเหนือหน้าที่ของตน จำเลยก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อครั้งจำเลยทำงานอยู่องค์การสรรพาหารสำนักคณะรัฐมนตรี มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายเนื้อสัตว์ ได้ยืมเงินซึ่งใช้ในราชการองค์การสรรพาหารไปจากเจ้าหน้าที่ของโจทก์ 2 ครั้ง ครั้งแรก 500 บาท เพื่อทดรองจ่ายในราชการลับแผนกปราบปรามโดยมอบให้นายบุญชูรับเงินนั้นไปตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้อง ครั้งหลัง 280,000 บาท เพื่อจัดซื้อโคและสุกรทางภาคอิสาน โดยมอบให้นายชินตัวแทนของจำเลยรับเงินไปตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้อง และได้ส่งใช้บางส่วนแล้ว ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้ยุบองค์การสรรพาหารขอให้จำเลยใช้เงินที่ค้าง 36,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยต่อสู้ว่า กระทำไปในหน้าที่ราชการขององค์การ ไม่เคยได้รับเงินหรือเกี่ยวข้องในการจ่ายเงินดังกล่าว ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 500 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

โจทก์จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยมิได้ยืมเงินทั้งสองจำนวนนี้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเอง หากเป็นการเซ็นใบยืมเงินในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเนื้อสัตว์ขององค์การสรรพาหารในสังกัดของโจทก์เอง มีปัญหาว่าจำเลยจะต้องรับผิดเป็นส่วนตัวเพียงใดหรือไม่

สำหรับเงินยืมราย 500 บาท ฟังว่าจำเลยกระทำการนอกเหนือหน้าที่ของตน ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว

ส่วนเงินยืมราย 280,000 บาท ฟังว่าจำเลยเพียงแต่เซ็นใบยืมตามหน้าที่และภายในขอบเขตแห่งหน้าที่ของตน ชอบด้วยระเบียบแบบแผนของทางราชการ เพื่อให้งานได้ดำเนินไปได้โดยเรียบร้อย จำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องอย่างใดกับเงินจำนวนนี้เลย โดยประธานกรรมการมอบหมายหน้าที่ให้นายชินเจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลังควบคุมเงินจำนวนนี้เอาไปดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ขององค์การสรรพาหารตลอดมา พฤติการณ์ที่ปรากฏ แสดงว่าทุกฝ่ายรู้ดีอยู่ว่า จำเลยเพียงแต่เป็นคนเซ็นใบยืมตามหน้าที่เพื่อการดำเนินงานของโจทก์เท่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยมิได้อยู่ในฐานะของผู้ยืมตามกฎหมาย และไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว

พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์เฉพาะเรื่องเงิน 500 บาท ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share