คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้โจทก์จะครอบครองมาก่อนแล้วให้จำเลยเข้าอาศัยทำกิน โจทก์ก็ไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่มีสิทธิเอาที่พิพาทให้จำเลยอาศัยทำกิน ในระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งเป็นราษฎรด้วยกัน เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนที่พิพาทหรือห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีที่ดิน๑ แปลง ได้มาโดยทางมรดก โจทก์ได้ครอบครองและแจ้งการนำสำรวจเสียภาษีในฐานะเป็นเจ้าของตลอดมา แต่ที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่รับแจ้งการครอบครอง โจทก์ให้จำเลยอาศัยทำกินในที่ดินแปลงนี้มีกำหนด ๑ ปี ครบกำหนดไม่ยอมออก จึงขอให้บังคับจำเลยคืนที่พิพาทแก่โจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยซื้อมาจากโจทก์ จำเลยครอบครองตลอดมา โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะที่พิพาทตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนที่พิพาทแก่โจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาว่าการที่โจทก์ครอบครองที่พิพาทซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติมาก่อนแล้วให้จำเลยเข้าอาศัยทำกิน โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยตามฟ้องได้หรือไม่ เห็นวาที่ดินเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้โจทก์จะครอบครองที่พิพาทมาก่อน โจทก์ก็ไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง ไม่มีสิทธิเอาที่พิพาทให้จำเลยอาศัยทำกิน ระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งเป็นราษฎรด้วยกัน เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนที่พิพาทหรือห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง
พิพากษายืน

Share