แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
แม้ความผิดฐานเสพกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งอยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลแขวงจะเป็นความผิดคนละกรรมกับความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ความผิดทั้งสองฐานนี้ก็ได้กระทำลงโดยผู้กระทำความผิดคนเดียวกันและเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกันจึงเป็นกรณีความผิดหลายเรื่องเกี่ยวพันกันโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานเสพกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตพร้อมกับความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อศาลจังหวัดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 24 โดยไม่ต้องผัดฟ้องจำเลยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 7
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 26, 57, 76, 92, 102 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 5, 8 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ริบของกลาง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องในข้อหาความผิดฐานเสพกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 26, 76, 102 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 5, 8 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 จำคุก 4 เดือน ปรับ 600 บาทจำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 2 เดือน ปรับ 300 บาทไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โทษจำคุกให้รอไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มีกำหนด 1 ปี ของกลางริบโจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องความผิดฐานเสพกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดฐานเสพกัญชา ซึ่งเป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะทำการพิจารณาพิพากษาพร้อมกับข้อหาความผิดฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อศาลชั้นต้นโดยมิได้ผัดฟ้องได้หรือไม่เห็นว่า แม้ความผิดฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกับความผิดฐานเสพกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตจะเป็นความผิดที่แยกเป็นแต่ละกรรมต่างกัน และความผิดฐานเสพกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลแขวงก็ตาม แต่ก็ได้กระทำลงโดยผู้กระทำความผิดคนเดียวกันและเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกัน จึงเป็นกรณีความผิดหลายเรื่องเกี่ยวพันกันซึ่งโจทก์จะฟ้องคดีทุกเรื่องต่อศาลที่มีอำนาจชำระในฐานความผิดที่มีอัตราโทษสูงกว่าก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 24 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 3 และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานเสพกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตพร้อมกับความผิดฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อศาลจังหวัดได้ โดยมิจำต้องผัดฟ้องจำเลยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 แต่อย่างใด ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รับฟ้องในข้อหาความผิดฐานเสพกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานเสพกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57, 92 แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ต่อไปตามรูปคดี