แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357 บัญญัติว่า’ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้เป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนเท่ากัน’ นั้น ย่อมนำสืบหักล้างได้ว่าความจริงมีอยู่อย่างไร และศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่า ฝ่ายใดมีส่วนเป็นเจ้าของในส่วนใดเท่าใด หาเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายไม่
ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยครอบครองที่ดินส่วนของจำเลยมา 10 ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิ์นั้น เมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยได้รับโอนที่ดินพิพาทจากบิดาเมื่อวันที่25 มกราคม 2482 แล้วครอบครองตลอดมา ตามคำให้การนี้ถือได้ว่าจำเลยได้ยกประเด็นขึ้นอ้างแล้วว่าจำเลยครอบครองที่ดินมาเกิน 10 ปี ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยนอกประเด็น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2482 นายโต๊ะยกที่ดินโฉนดที่ 2836 เนื้อที่ 229 ไร่ 1 งาน ให้นางมณีกับจำเลยคนละครึ่ง นางมณีครอบครองที่ดินส่วนของตน เนื้อที่ 114 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวา ตลอดมาจนถึงแก่กรรม เมื่อประมาณ พ.ศ. 2497 นายสุลัยมานสามีได้รับมรดกที่ดินส่วนของนางมณี เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2498 และได้ยกที่ดังกล่าวให้บุตร 6 คน ซึ่งรวมทั้งโจทก์ด้วยเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2517 และยกให้บุตรอีก 2 คน เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2517 โจทก์กับพี่น้องซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินส่วนของนางมณีร่วมกันประสงค์จะแบ่งแยกที่ดิน แต่จำเลยไม่ยอมแบ่งแยก ขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยให้แบ่งแยกที่ดิน หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า นายโต๊ะได้โอนที่ดินให้นางมณี 100 ไร่ ให้จำเลย 129 ไร่ 1 งาน เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2482 นางมณีกับจำเลยต่างครอบครองที่ดินตามส่วนของตนตลอดมา ที่ดินของนางมณีต่อมาตกเป็นของโจทก์กับพี่น้องอีก 7 คน ดังนั้น โจทก์กับพวกจึงเป็นเจ้าของที่ดินเพียง 100 ไร่
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้แบ่งที่ดินโฉนดที่ 2836 ให้โจทก์กับพวกฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยฝ่ายหนึ่ง โดยให้จำเลยได้ที่ดินส่วนตะวันตกภายในเส้นสีม่วงตามแผนที่พิพาทถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีมิได้บรรยายส่วนของเจ้าของรวมไว้ในโฉนดแม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357 จะสันนิษฐานว่าเจ้าของรวมมีส่วนเท่ากันก็ตาม จำเลยก็มีสิทธินำสืบ และศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่า จำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของในส่วนใดเท่าใด หาเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายไม่
โจทก์ฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยครอบครองที่ดินส่วนของจำเลยมา 10 ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิ์ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นนั้น เห็นว่าจำเลยให้การว่าจำเลยได้รับโอนที่ดินพิพาทจากบิดาเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2482 แล้วครอบครองตลอดมา ตามคำให้การนี้ถือได้ว่าจำเลยได้ยกประเด็นขึ้นอ้างแล้วว่าจำเลยครอบครองที่ดินมาเกิน 10 ปี ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยนอกประเด็น
พิพากษายืน