คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3294/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะเกิดเหตุเป็นเวลา 2 นาฬิกา ผู้ตายกับพวกปล้นเอาทรัพย์สินในบ้านที่เกิดเหตุไปได้หลายอย่าง จากนั้นผู้ตายซึ่งมีอาวุธปืนพกพร้อมกระสุนปืนได้เข้าไปที่มุ้งของจำเลยในขณะที่จำเลยนอนอยู่ในมุ้งแต่ผู้เดียวในกระท่อมในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ แล้วผู้ตายร้องบอกให้จำเลยนอนเงียบ ๆ จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงผู้ตายเป็นของ ล.ภริยาจำเลยซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้โดยชอบด้วยกฎหมาย ล.มอบอาวุธปืนและกระสุนปืนให้จำเลยนำไปเฝ้าคุ้มครองดูแลทรัพย์สินรวมของจำเลยและ ล. ซึ่งอยู่ในบริเวณบ้านของจำเลยและ ล.ในขณะที่ ล. ก็อยู่ที่บ้านด้วย ดังนี้ ถือได้ว่าการครอบครองอาวุธปืนและกระสุนปืนยังอยู่กับ ล. จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ดุจ กัน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519ข้อ 6 คืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น นายฟัก เฟื่องฟู บิดาผู้ตายได้รับอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 15 ปี และให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ปรับ 1,000 บาทรวมเป็นจำคุก 15 ปี ปรับ 1,000 บาท คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนและคำเบิกความของจำเลยในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน ปรับ 500 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 อาวุธปืนของกลางคืนเจ้าของ
โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงแล้ววินิจฉัยว่า ขณะเกิดเหตุเป็นเวลา2 นาฬิกา บ้านที่เกิดเหตุถูกผู้ตายกับพวกอีก 3 คน มีปืนพกและมีดเป็นอาวุธติดตัวเข้าปล้นเอาทรัพย์สินไปได้หลายอย่าง จากนั้นผู้ตายซึ่งมีอาวุธปืนพกพร้อมกระสุนปืนได้เข้าไปที่มุ้งของจำเลยในขณะที่จำเลยนอนอยู่ในมุ้งแต่ผู้เดียวในกระท่อมในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ แล้วร้องบอกให้จำเลยนอนเงียบ ๆ จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตายหลายนัดถึงแก่ความตายดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด
สำหรับข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ นั้นได้ความว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงผู้ตายเป็นของนางลำพูภริยาจำเลยซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้โดยชอบด้วยกฎหมาย ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.17 นางลำพูได้มอบอาวุธปืนและกระสุนปืนให้จำเลยนำไปเฝ้าคุ้มครองดูแลเป็ดอันเป็นทรัพย์สินรวมของจำเลยกับนางลำพูซึ่งอยู่ในบริเวณบ้านของจำเลยและนางลำพูในขณะที่นางลำพูก็อยู่ที่บ้านด้วยดังนี้ ถือได้ว่าการครอบครองอาวุธปืนและกระสุนปืนยังอยู่กับนางลำพู จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ดุจกัน
พิพากษายืน.

Share