คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3285/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้กรรมการลูกจ้างจะกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯมาตรา 123 ก็ตาม แต่การที่นายจ้างจะเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างก็จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลแรงงานเสียก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำและเป็นกรรมการลูกจ้างจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ขออนุญาตศาลแรงงานก่อน ไม่จ่ายค่าชดเชยและไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ขอพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยหรือให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามปกติ
จำเลยให้การว่า โจทก์กระทำผิดร้ายแรงตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา ๑๒๓ จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์เข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดิม ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์นับแต่วันที่จำเลยสั่งเลิกจ้างจนกว่าจำเลยได้รับโจทก์กลับเข้าทำงาน
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นกรรมการลูกจ้างซึ่งได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา ๕๒ แม้โจทก์จะทำผิดในกรณีใดก็ตาม นายจ้างจะเลิกจ้างโจทก์โดยพลการไม่ได้ ต้องได้รับอนุญาตจากศาลแรงงานเสียก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อคุ้มครองกรรมการลูกจ้างให้พ้นจากการกลั่นแกล้งของฝ่ายนายจ้าง หากกรรมการลูกจ้างกระทำผิดในกรณีร้ายแรงจริง ๆ ศาลแรงงานก็คงอนุญาตให้เลิกจ้างได้ ส่วนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ มาตรา ๑๒๓ บัญญัติถึงการเลิกจ้างลูกจ้าง ผู้แทนลูกจ้าง กรรมการ อนุกรรมการ หรือสมาชิกสหภาพแรงงานหรือกรรมการ หรืออนุกรรมการสหพันธ์แรงงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องเท่านั้น จะแปลขยายความไปถึงกรรมการลูกจ้างตามมาตรา ๕๒ ซึ่งบัญญัติไว้ในหมวด ๕ ว่าด้วยกรรมการลูกจ้างและมีบทบัญญัติถึงการเลิกจ้างโดยเฉพาะอยู่แล้วหาได้ไม่
พิพากษายืน

Share