คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3283/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จะอนุญาตให้เจ้าหนี้มีประกันผู้ร้อง ซึ่ง จ.พ.ท. มีคำสั่งอนุญาตให้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์ที่จำนองในฐานะเจ้าหนี้มีประกันโดยเจ้าหนี้ผู้ร้องไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เข้าเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แทนเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เดิม ซึ่งไม่ยอมรับหน้าที่นั้นย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่เจ้าหนี้มีประกัน เพราะเจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิเฉพาะเหนือทรัพย์สินอันลูกหนี้ได้ให้ไว้เป็นหลักประกันเท่านั้น หาอาจจะบังคับเอาทรัพย์สินอย่างอื่นของลูกหนี้ได้ไม่ ทั้งจะเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่หมดโอกาสในการที่จะหลุดพ้นจากสภาพที่ต้องตกเป็นบุคคลล้มละลายอีกด้วย

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ยกคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่มีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านดำเนินการเพื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุมเจ้าหนี้และดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้มีประกันจากจำเลยที่ ๒ ในทางจำนอง และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์ที่จำนองดังกล่าวในฐานะเจ้าหนี้มีประกัน โดยผู้ร้องไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘ มาตรา ๙๕ และคดีนี้มีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เพียง ๒ รายคือเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เดิมกับเจ้าหนี้อื่นอีก ๑ ราย แต่เจ้าหนี้ทั้งสองรายนี้ไม่ยอมรับหน้าที่เป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอเข้าเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แทน มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ในกรณีเช่นนี้ผู้ร้องมีสิทธิที่จะขอเข้าเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แทนเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เดิมได้หรือไม่
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า สิทธิของผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้มีประกันคงมีอยู่เฉพาะเหนือทรัพย์สินอันลูกหนี้ได้ให้ไว้เป็นหลักประกันเท่านั้น ผู้ร้องหาอาจที่จะบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินอย่างอื่นของลูกหนี้ได้ไม่ การที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แทนเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เดิมจึงย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ร้องแต่ประการใด เพราะถึงอย่างไรผู้ร้องก็คงดำเนินการบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินที่จำนองเป็นประกันได้เท่านั้น เมื่อเป็นดังนี้หากศาลจะอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แทนโจทก์เดิม ดังที่ผู้ร้องขอและศาลอุทธรณ์เห็นชอบโดยให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการให้ตามขั้นตอนของกฎหมายนั้น นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดต่อผู้ร้องดังกล่าวแล้วกลับจะเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่หมดโอกาสในการที่จะหลุดพ้นจากสภาพที่ต้องตกเป็นบุคคลล้มละลายอีกด้วยดังนั้น ศาลฎีกาจึงไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ที่ให้รับคำร้องของผู้ร้องไว้ดำเนินการต่อไปดังกล่าวฎีกาผู้คัดค้านฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

Share