แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ซึ่งเป็นทนายความรับว่าความให้แก่จำเลยเพื่อฟ้องขับไล่ ช. กับพวกผู้เช่าออกไปจากตึกแถวและแผงลอยทั้งหมดโดยตกลงค่าวิชาชีพกันไว้เป็นจำนวนแน่นอน เมื่อโจทก์ดำเนินการให้จำเลยจนบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว คือฟ้องขับไล่และดำเนินการให้ผู้เช่าขนย้ายออกจากที่ดินที่เช่า เพื่อให้จำเลยซึ่งเป็นตัวความเข้าครอบครองที่ดินและ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง โจทก์ชอบที่จะได้รับค่าวิชาชีพเต็มตามจำนวน แม้จำเลยจะมีส่วนในการทำความตกลงกับผู้เช่าบางรายจนมีการประนีประนอมยอมความกันก็ตาม
ในระหว่างที่โจทก์ดำเนินการขับไล่ผู้เช่า ช. กับพวกซึ่งเป็นผู้เช่าได้ยื่นฟ้องจำเลยกับพวกเป็นคดีแพ่ง หมายเลขดำที่ 10425/2534 กล่าวหาว่าจำเลยกับพวกร่วมกันทำสัญญาเช่าที่ดินโดยทุจริต ขอให้เพิกถอนสัญญาเช่าและชดใช้ค่าเสียหาย ต่อมาจำเลยได้ยื่นฟ้อง ช. กับพวกเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 16093/2534 ฐานละเมิด ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย คดีทั้งสองเรื่องดังกล่าวจำเลยได้มอบให้โจทก์เป็นทนายความแก้ต่างและยื่นฟ้อง เมื่อคดีทั้งสองไม่มี ความสัมพันธ์กับคดีที่จำเลยฟ้องขับไล่ ช. กับพวก จึงไม่ใช่คดีที่ต่อเนื่องกัน จำเลยจึงต้องชำระค่าวิชาชีพในคดีแพ่งทั้งสองแยกต่างหากจากค่าวิชาชีพในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่ ช. กับพวก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๒๐,๓๘๓,๖๓๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จากต้นเงิน ๒๐,๓๒๑,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๕,๓๐๑,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๓๗ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๖,๔๗๖,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๓๗ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีในชั้นอุทธรณ์ กำหนดค่าทนายความรวม ๗๕,๐๐๐ บาท
จำเลยฎีกา
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้จ้างโจทก์ดำเนินการฟ้องขับไล่ผู้เช่าเดิมออกไปจากตึกแถวและ แผงลอยทั้งหมด ตกลงค่าวิชาชีพสำหรับการเช่าตึกแถวรายละ ๒๐,๐๐๐ บาท และสำหรับผู้เช่าแผงลอยรายละ ๑๐,๐๐๐ บาท ในระหว่างการดำเนินคดีฟ้องขับไล่นายชาญชัย จงจรูญทรัพย์ กับพวก ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เช่าเดิมได้ยื่นฟ้องจำเลยกับ กรมการศาลนา และนายเสมอ นาคพงศ์ อธิบดีกรมการศาสนาต่อศาลชั้นต้นเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๐๔๒๕/๒๕๓๔ กล่าวหาว่าจำเลยกับพวกร่วมทำสัญญาเช่าที่ดินโดยสุจริต ข้อให้เพิกถอนสัญญาเช่า และให้จำเลยกับพวกชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน ๒,๙๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และต่อมาจำเลยได้ยื่นฟ้องนายชาญชัย กับพวกต่อศาลชั้นต้นเป็นคดีแพ่ง หมายเลขดำที่ ๑๖๐๙๓/๒๕๓๔ ฐานละเมิด ให้ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยเป็นจำนวนเงิน ๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งคดีทั้งสองเรื่องดังกล่าวจำเลยได้มอบให้โจทก์เป็นทนายความแก้ต่างและยื่นฟ้อง ต่อมาคดีดังกล่าวได้เสร็จสิ้นลงโดยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและถอนฟ้อง คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า โจทก์มีสิทธิได้รับค่าวิชาชีพในการที่จำเลยได้มอบให้โจทก์ฟ้องขับไล่ผู้เช่าเดิมออกจากตึกแถวและแผงลอยเป็นจำนวนเพียง ๗๑๐,๐๐๐ บาท หรือไม่นั้น เห็นว่า เมื่อโจทก์ดำเนินการฟ้องขับไล่ผู้เช่าเดิมให้แก่จำเลยจนบรรลุเป้าหมายแล้ว โจทก์ก็ชอบที่จะได้รับค่าวิชาชีพเต็มจำนวนแม้จำเลยจะมีส่วนในการทำความตกลงกับผู้เช่าเดิมจนมีการประนีประนอมยอมความกันตามที่จำเลยนำสืบก็ตาม ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระค่าวิชาชีพคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าตึกแถวและแผงลอยแก่โจทก์รวมเป็นเงิน ๔,๐๔๐,๐๐๐ บาท จึงชอบแล้ว ส่วนประเด็นเรื่องค่าวิชาชีพในการดำเนินคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๐๔๒๕/๒๕๓๔ และคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๖๐๙๓/๒๕๓๔ ของศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า การที่ นายชาญชัย กับพวกรวม ๕ คน ยื่นฟ้องจำเลยคดีนี้จำเลยเป็นจำเลยที่ ๓ ร่วมกับกรมการศาลนา และนายเสมอ นาคพงศ์ ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๐๔๒๕/๒๕๓๔ ของศาลชั้นต้น เรียกค่าเสียหายมีทุนทรัพย์ ๒,๙๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เรื่องจำเลยทั้งสามตามคดีแพ่งดังกล่าวผิดสัญญาและละเมิดต่อนายชาญชัย กับพวก ซึ่งเมื่อพิเคราะห์คำฟ้องคดีดังกล่าวจะเห็นได้ว่าหามีความสัมพันธ์กับคดีที่จำเลยฟ้องขับไล่นายชาญชัยกับพวกไม่ ทั้งทุนทรัพย์ที่มีการเรียกร้องในคดีดังกล่าวมีจำนวนสูงมาก จึงไม่อาจรับฟังได้ว่า คดีที่นายชาญชัยกับพวกฟ้องคดีตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๐๔๒๕/๒๕๓๔ ของศาลชั้นต้น เป็นคดีที่ต่อเนื่องที่โจทก์รับจ้างจำเลยคดีนี้ฟ้องขับไล่นายชาญชัยกับพวกตามที่จำเลยฎีกาไม่ ส่วนคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๖๐๙๓/๒๕๓๔ ของศาลชั้นต้นจะเป็นคดีที่มีมูลเหตุมาจากคดีที่โจทก์รับจ้าง จำเลยยื่นฟ้องขับไล่นายชาญชัยกับพวก หรือไม่นั้นไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยแล้วว่าคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๖๐๙๓/๒๕๓๔ ของศาลชั้นต้นมีความเกี่ยวพันกับคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๐๔๒๕/๒๕๓๔ ของศาลชั้นต้นโดยตรง จึงเป็นคดีเดียวกัน และให้จำเลยชำระ ค่าวิชาชีพเฉพาะคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๐๔๒๕/๒๕๓๔ เท่านั้น โจทก์ไม่ฎีกา ดังนั้น จำเลยจึงต้องชำระค่าวิชาชีพในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๐๔๒๕/๒๕๓๔ และ ๑๖๐๙๓/๒๕๓๔ ของศาลชั้นต้นรวมกัน โดยแยกต่างหากจากคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่ นายชาญชัยกับพวก
พิพากษายืน .