แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จลงในใบเหยียบย่ำอันเป็นเอกสารซึ่งตนมีหน้าที่ทำในฐานะเป็นกรมการอำเภอด้วยผู้หนึ่งแม้เอกสารนั้นกรมการอำเภอผู้อื่นจะลงชื่อเป็นผู้ทำก็เป็นความผิดตาม มาตรา230 ได้
ไม้หวงห้ามในป่าที่ตัดโดยอาศัยใบเหยียบย่ำที่ออกโดยไม่ชอบนั้นผู้ตัดจะเอาไว้ไม่ได้ต้องตกอยู่ในความคุ้มครองของกรมป่าไม้
ย่อยาว
คดีมีปัญหากฎหมายว่า เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอจดข้อความเท็จลงในใบเหยียบย่ำที่ตนทำขึ้นให้ผู้แทนนายอำเภอลงชื่อ จะมีความผิดตาม มาตรา 230 หรือไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าไม่ผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าผิด ศาลฎีกาพิพากษาดังนี้ ฯลฯ
“ศาลชั้นต้นวินิจฉัยตามฟ้องข้อ ก. ว่า นายเกษมจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานจดข้อความเท็จ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 230โดยอ้างเหตุว่าใบเหยียบย่ำที่ออกให้ เป็นหนังสือของผู้แทนนายอำเภอหาใช่เป็นหนังสือของนายเกษมจำเลยไม่นั้น ศาลนี้ไม่เห็นด้วยเพราะความปรากฏว่า นายเกษมจำเลยได้ให้การรับอยู่แล้วว่า ฟ้องโจทก์ที่กล่าวถึงตำแหน่งหน้าที่ขอรับว่าเป็นความจริง กล่าวคือนายเกษมจำเลยเป็นเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอมีหน้าที่รับเรื่องราวขอจับจองที่ดิน ชันสูตรไต่สวนสภาพที่ดิน ทำการรังวัดที่ดิน ทำหนังสือราชการและจดทะเบียนบัญชีเกี่ยวกับการจับจองที่ดินเพื่อนำเสนอนายอำเภอพิจารณาสั่ง ความยังปรากฏตามคำนายไชยศิริปลัดอำเภอผู้ทำการแทนนายอำเภอว่า นายเกษมจำเลยได้เอาใบเหยียบย่ำที่ดินมาเสนอให้เซ็นแทนนายอำเภอ โดยบอกว่านายอำเภอได้สั่งอนุญาตแล้ว ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะความจริงในขณะนั้นนายอำเภอยังมิได้สั่งอนุญาต ข้อนี้นายเกษมจำเลยเบิกความเป็นพยานก็รับอยู่ว่า ความจริงนายอำเภอสั่งเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2491 นายเกษมจำเลยได้ขูดลบวันที่เพื่อประสงค์จะร่นวันที่ให้น้อยลงเพื่อให้ตรงกับวันที่ออกใบเหยียบย่ำซึ่งออกเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2491 โจทก์ยังมีนายวัฒน์นายอำเภอประกอบอีกว่า ความจริงได้มีคำสั่งอนุญาตเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม2491 ได้ถูกขูดลบเลข 7 ตัวหลังออกเหลือแต่เลข 1 ความยังปรากฏว่านายเกษมจำเลยมีอำนาจหน้าที่เป็นกรมการอำเภอและมีอำนาจกระทำการแทนนายอำเภอด้วย การกระทำของนายเกษมจำเลยจึงเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 230 ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย”
ปัญหาอีกข้อหนึ่งคือ ไม้หวงห้ามที่ตัดในที่ป่าซึ่งได้ออกใบเหยียบย่ำไปโดยไม่ถูกต้อง แต่ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ร่วมทำผิดด้วยศาลจะสั่งริบไม้หรือไม่ ศาลฎีกาพิพากษาดังนี้ ฯลฯ
“ส่วนไม้รายนี้ปรากฏว่าได้มีการตัดโดยอาศัยใบเหยียบย่ำที่ออกโดยมิชอบ กล่าวคือได้ออกก่อนที่นายอำเภอผู้มีอำนาจสั่งอนุญาตดังได้วินิจฉัยมาแล้ว ใบเหยียบย่ำนั้นจึงใช้ไม่ได้ การตัดไม้โดยอาศัยใบเหยียบย่ำที่ใช้ไม่ได้จึงไม่ชอบ อนึ่ง ยังปรากฏว่าทางราชการกรมป่าไม้ได้สั่งให้คืนเงินค่าภาคหลวงไม้รายนี้ให้แก่นายตระกลจำเลยที่ 3 ผู้เป็นเจ้าของเงิน โดยถือว่าการเรียกเก็บเงินค่าภาคหลวงไม้รายนี้มิได้เป็นไปโดยชอบ การได้ไม้รายนี้มาจึงไม่เป็นการได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายให้รายนี้จึงตกอยู่ในความคุ้มครองของกรมป่าไม้จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะนายเจริญจำเลยที่ 2 และนายตระกลจำเลยที่ 3 ปล่อยตัวไป ไม้ของกลางให้อยู่ในความคุ้มครองของกรมป่าไม้ นอกจากที่แก้คงพิพากษายืน”