แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน และรอการลงโทษไว้ ต้องห้ามมิให้ฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ปัญหาที่ว่าคำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่ เป็นปัญหาที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัย ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ข้อที่ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยได้บรรเทาผลร้ายแห่งความผิดโดยนำเงินตามเช็คพิพาทไปชำระแก่โจทก์แล้ว ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดมาก่อนจึงเห็นสมควรรอการลงโทษแก่จำเลย เป็นการใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษ โจทก์ฎีกาว่าเป็นการคลาดเคลื่อนต่อกฎหมาย แต่มิได้ฎีกาว่าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค มาตรา 3
จำเลยให้การรับสารภาพ แต่ขอสืบพยานว่า หลังจากธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว จำเลยได้นำเงินตามเช็คไปชำระให้โจทก์เรียบร้อยแล้วโดยโจทก์ยอมรับว่าเป็นการชำระหนี้ตามเช็คพิพาทและจะดำเนินการถอนคดีให้แต่แล้วก็กลั่นแกล้งจำเลย โดยนำคดีมาบีบบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่ในคดีอื่น ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497(3)
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน และรอการลงโทษไว้ ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
โจทก์ฎีกาข้อแรกว่า จำเลยให้การรับสารภาพหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน คำให้การรับสารภาพของจำเลยไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาที่ว่าคำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่ เป็นปัญหาที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ที่โจทก์ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า ที่ศาลล่างวินิจฉัยว่า จำเลยได้บรรเทาผลร้ายแห่งความผิด โดยนำเงินตามเช็คพิพาทไปชำระแก่โจทก์แล้ว ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดมาก่อน จึงเห็นสมควรรอการลงโทษแก่จำเลยเป็นการคลาดเคลื่อนต่อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์มิได้ฎีกาว่า ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด การที่ศาลล่างรอการลงโทษแก่จำเลย เป็นการใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง หามีสิ่งใด เป็นการคลาดเคลื่อนต่อกฎหมายไม่
พิพากษายกฎีกาโจทก์