คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3278/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นผู้เช่าซื้อเครื่องเช็คปั๊มดีเซลมา ขณะมีการยึดทรัพย์ ผู้ร้องยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบถ้วน แสดงว่าผู้ร้องเป็นผู้ครอบครองเครื่องเช็คปั๊มดีเซลและใช้ประโยชน์ ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย กล่าวอ้างได้ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ผู้ร้องไม่จำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ก็ร้องขัดทรัพย์ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์บรรทุกที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา560,000 บาท แก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 152,000 บาท และต่อไปในอัตราเดือนละ 8,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์พิพาทคืนโจทก์ แต่ไม่เกินราคารถจำนวน 560,000 บาท โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 รวมทั้งหมด 4 รายการ
ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ทรัพย์ 4 รายการที่โจทก์ได้นำยึด คือเครื่องเสียงแอมปลิฟายสเตอริโอ 1 ชุด พร้อมลำโพงตู้ไม้2 ลำโพง ราคาประเมิน 5,000 บาท โทรทัศน์สี เครื่องเล่นวีดีโอ และเครื่องเช็คปั๊มดีเซลรวมราคาประเมินทั้งสิ้น 115,000 บาท เป็นทรัพย์ของผู้ร้องทั้งสิ้นขอให้มีคำสั่งปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดดังกล่าว
โจทก์ให้การว่า บ้านที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์นั้น เป็นบ้านซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าบ้าน โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 โดยสุจริต และขณะทำการยึดทรัพย์ผู้ร้องก็ร่วมอยู่ด้วย แต่ผู้ร้องมิได้โต้แย้งสิทธิหรือแสดงเอกสารสิทธิแห่งการได้มาในทรัพย์ที่ยึด ผู้ร้องยื่นคำร้องเข้ามาเพื่อประวิงเวลาทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจึงขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปล่อยทรัพย์รายการที่ 4 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้คือเครื่องเช็คปั๊มดีเซลตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ร.4 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์พยานหลักฐานของผู้ร้องและโจทก์โดยตลอดแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่า ผู้ร้องมีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดรายการที่ 4 ได้หรือไม่ ผู้ร้องมีตัวผู้ร้องกับนายไพโรจน์ สิงห์ทอง เป็นพยานเบิกความทำนองเดียวกันว่า ผู้ร้องกับนายไพโรจน์ เข้าหุ้นกัน โดยผู้ร้องออกเงินค่าเช่าซื้อเครื่องเช็คปั๊มดีเซลตามสำเนาสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ร.4 ส่วนนายไพโรจน์เป็นเจ้าของร้านโชคชัยดีเซลออกเงินซื้อเครื่องอะไหล่ แบ่งรายได้กันคนละครึ่ง นายอุดมแบบประเสริฐ พยานผู้ร้องอีกปากหนึ่งเบิกความว่า ผู้ร้องเป็นผู้เช่าซื้อเครื่องเช็คปั๊มดีเซลตามสำเนาสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมายร.4 พยานเป็นผู้ไปทวงหนี้ค่าเช่าซื้อ โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าทรัพย์ตามสำเนาสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ร.4 เป็นของจำเลยที่ 2นายสมศาสตร์ พันศิลา นายธรรมนูญ สืบประยงค์ และนายประสิทธิ์สนธิรักษ์ พยานโจทก์ เพียงแต่ยืนยันว่า ขณะยึดทรัพย์พบผู้ร้องและจำเลยที่ 2 ที่บ้านเลขที่ 16 นายประสิทธิ์เบิกความต่อไปว่าโจทก์ยืนยันว่าเป็นทรัพย์ของจำเลยที่ 2 พยานจึงยึดทรัพย์ดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่า พยานของผู้ร้องมีน้ำหนักมั่นคงกว่าพยานโจทก์ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องเป็นผู้เช่าซื้อเครื่องเช็คปั๊มดีเซลตามสำเนาสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ร.4 ขณะมีการยึดทรัพย์ผู้ร้องยังชำระค่าเช่าไม่ครบถ้วน แสดงว่า ผู้ร้องเป็นผู้ครอบครองเครื่องเช็คปั๊มดีเซลและใช้ประโยชน์ ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย กล่าวอ้างได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ผู้ร้องไม่จำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ก็ร้องขอต่อศาลได้”
พิพากษายืน

Share