คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3276/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง นั้น ต้องเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ จะนำมาใช้กับที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่า และมีเพียงหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) หาได้ไม่ หากจำเลยได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม แม้ยังมิได้จดทะเบียนก็สามารถยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ร่วมผู้ซื้อ และได้จดทะเบียนโดยสุจริตได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 362, 365
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่ดินพิพาท 2 แปลงมีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3)เอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 โจทก์ร่วม ซื้อที่ดินพิพาท 2 แปลงมาจากนายยอดรัก ทรายแก้ว โดยจดทะเบียนซื้อขายกันเมื่อวันที่ 31 มีนาคม2529 ต่อมาโจทก์ร่วมได้พบเห็นจำเลยที่ 2 กับพวกปลูกมันในที่ดินพิพาทจึงมอบอำนาจให้นางบรรจง เลาวพงศ์ ภรรยาไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่แตง เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยที่ 2เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2529 หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 เข้ามอบตัวสู้คดี พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันบุกรุกที่ดินพิพาท จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ที่โจทก์ร่วมฎีกาเป็นข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าได้ครอบครองที่ดินพิพาทมาก่อนโจทก์ร่วมซื้อที่ดินพิพาทจำเลยทั้งสองจึงได้ที่ดินพิพาทมาโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม เมื่อการได้มาของจำเลยทั้งสองยังมิได้จดทะเบียนจึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ร่วม ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสองนั้น ต้องเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ อย่างเช่นโฉนดที่ดินจะใช้กับที่ดินพิพาทคดีนี้ซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่า มีแต่สิทธิครอบครอง และมีเพียงหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)หาได้ไม่ ดังนั้นถ้าหากจำเลยทั้งสองได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทมาโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม แม้ยังมิได้จดทะเบียน ก็สามารถยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ร่วมผู้ซื้อและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตได้…”
พิพากษายืน.

Share