แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้จำนองมีสิทธิโอนที่ดินที่จำนองแก่บุคคลภายนอกได้ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ซึ่งผู้รับจำนองอาจใช้สิทธิบังคับจำนองแก่ผู้รับโอนที่ดินได้ การโอนที่ดินของผู้จำนองมิใช่เป็นการก่อภาระติดพันแก่ทรัพย์จำนองแต่อย่างใดทั้งผู้รับจำนองก็ยังคงมีสิทธิอยู่ตามสัญญาจำนอง ซึ่งหากบังคับจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ ผู้จำนองก็ต้องรับผิดตามสัญญา หาใช่จะพ้นความรับผิดไปไม่ ดังนั้น จำเลยผู้รับจำนองจึงต้องส่งมอบโฉนดที่ดินซึ่งจำเลยครอบครองเพื่อให้โจทก์ผู้จำนองดำเนินการทำนิติกรรมโอนขายแก่บุคคลภายนอกตามฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนด โจทก์ได้จำนองที่ดินนี้ประกันหนี้เงินกู้ของบุคคลอื่นไว้แก่จำเลย ต่อมาโจทก์ทำสัญญาจะขายที่ดินดังกล่าวให้บุคคลภายนอกโจทก์แจ้งให้จำเลยนำโฉนดที่ดินไปที่สำนักงานที่ดินเพื่อทำการโอนให้ผู้ซื้อ จำเลยไม่ดำเนินการขอให้บังคับจำเลยนำโฉนดที่ดินของโจทก์ไปยังสำนัดงานที่ดินเพื่อให้โจทก์จดทะเบียนซื้อขาย
จำเลยให้การว่า โจทก์จำนองที่ดินประกันหนี้ของบุคคลภายนอกในวงเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ตามสัญญาจำนอง ห้ามมิให้โจทก์ก่อภาระติดพันใดแก่ทรัพย์จำนอง ปัจจุบันบุคคลภายนอกเป็นหนี้จำเลยอยู่กว่า ๖๐๐,๐๐๐ บาท การที่โจทก์จะขายที่ดินตามฟ้องเป็นการก่อให้เกิดภาระติดพันแก่ทรัพย์จำนอง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยนำโฉนดที่ดินตามฟ้องไปยังสำนักงานที่ดินเพื่อให้โจทก์ดำเนินการจดทะเบียบโอนขายที่ดินให้บุคคลภายนอกภายในกำหนด ๓๐ วัน นับแต่วันพิพากษา
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่าจำเลยจะต้องนำโฉนดที่ดินไปยังสำนักงานที่ดินเพื่อให้โจทก์จดทะเบียนโอนขายแก่บุคคลภายนอกตามฟ้องหรือไม่ พิเคราะห์ข้อความในสัญญาดังกล่าวแล้วมีใจความว่า โจทก์ผู้จำนองตกลงให้ทรัพย์จำนองเป็นประกันหนี้ในวงเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งหนี้อุปกรณ์ เช่น ดอกเบี้ยด้วย กรณีที่ผู้รับจำนองบังคับจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ ผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับจากทรัพย์สินอื่นของผู้จำนองจนครบจำนวนหนี้ในระหว่างจำนองผู้จำนองไม่มีสิทธิก่อภาระติดพันในทรัพย์สินที่จำนอง เช่น ให้เช่า เห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๐๒ บัญญัติว่า “อันว่าจำนองนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้จำนองเอาทรัพย์สินตราไว้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจำนอง
ผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญมิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่” และมาตรา ๗๓๕ บัญญัติว่า “เมื่อผู้รับจำนองคนใดจำนงจะบังคับจำนองเอกแก่ผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนอง ท่านว่าต้องมีจดหมายบอกกล่าวแก่ผู้รับโอนล่วงหน้าหนึ่งเดือนก่อนแล้วจึงจะบังคับจำนองได้” แสดงว่า จำนองเป็นทรัพย์สิทธิในทรัพย์สินที่จำนอง โจทก์ผู้จำนองมีสิทธิโอนที่ดินที่จำนองแก่บุคคลภายนอกได้ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ ซึ่งจำเลยผู้รับจำนองอาจใช้สิทธิบังคับจำนองแก่ผู้รับโอนที่ดินจากโจทก์ได้ มิใช่เป็นการก่อภาระติดพันแก่ทรัพย์จำนองดังที่จำเลยฎีกาแต่อย่างใด ทั้งจำเลยในฐานะผู้รับจำนองก็ยังคงมีสิทธิอยู่ตามสัญญาจำนอง ซึ่งหากบังคับจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ โจทก์ในฐานะผู้จำนองก็ยังคงต้องรับผิดตามความในข้อ ๔ ของสำเนาภาพถ่ายสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองต่อจำเลย หาใช่ว่าโจทก์จะพ้นความรับผิดไปดังที่จำเลยฎีกาไม่
พิพากษายืน.