คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2517/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1723 จะเห็นว่าไม่ได้ห้ามผู้จัดการมรดกตั้งตัวแทนเสียเลยทีเดียว หากเป็นการตั้งตัวแทนกระทำการเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกย่อมจักกระทำได้ ดังนี้ แม้ผู้จัดการมรดกทั้งสองได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ฉ. ซึ่งเป็นทนายความจัดการแทน. ฉ. ได้แต่เพียงมีหนังสือถึงทายาทให้ส่งทรัพย์มรดกเฉพาะผู้ร้องให้ส่งมอบโฉนดและให้แจ้งทรัพย์มรดกเท่านั้น ซึ่งก็ได้ทำไปเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกนอกนั้นผู้จัดการมรดกทั้งสองได้จัดการมรดกด้วยตนเอง จึงฟังไม่ได้ว่าผู้จัดการมรดกทั้งสองมิได้กระทำการตามหน้าที่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านทั้งสองและจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกมาเป็นเวลานานหลายปี แต่บรรดาทายาทยังมิได้รับการแบ่งปันมรดกเลย เพราะจำเลยไม่ให้ความร่วมมือในการจัดการมรดกและคัดค้านตลอดมา หากจะให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกอีกต่อไป การจัดการมรดกย่อมจะล่าช้าและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่กองมรดกและทายาทได้ ตามพฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวมา กรณีมีเหตุสมควรที่จะถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดก

ย่อยาว

คดีสองสำนวนศาลรวมพิจารณาพิพากษารวมกัน

สำนวนแรก เดิมศาลสั่งตั้งนายอัมพรนายประสิทธิ์ศักดิ์ และนายประเสริฐเป็นผู้จัดการมรดกนายสิงห์ตามพินัยกรรม ต่อมานางอุทิศทายาทของนายสิงห์ยื่นคำร้อง อ้างว่านายประสิทธิ์ศักดิ์และนายประเสริฐผู้จัดการมรดก มิได้จัดการมรดกด้วยตนเอง และกระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมายและหน้าที่หลายประการ ขอให้ศาลสั่งถอนนายประสิทธิ์ศักดิ์และนายประเสริฐออกจากเป็นผู้จัดการมรดกของนายสิงห์

นายประสิทธิ์ศักดิ์และนายประเสริฐคัดค้านว่า คำร้องไม่เป็นความจริงผู้จัดการมรดกทั้งสองได้จัดการมรดกด้วยตนเองตลอดมา การกระทำอื่น ๆ ก็มีเหตุผลถูกต้อง

สำนวนที่สองโจทก์ฟ้องว่า นายอัมพรจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายสิงห์ร่วมกับนายประสิทธิ์ศักดิ์และนายประเสริฐ แต่จำเลยไม่ยอมร่วมมือกับผู้จัดการมรดกอีกสองคน พยายามขัดขืนคำสั่งเจ้ามรดก และอื่น ๆ ขอให้ศาลพิพากษาถอดถอนจำเลยออกจากผู้จัดการมรดกของนายสิงห์

จำเลยให้การว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการมรดกโดยถูกต้องแล้ว

ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของนางอุทิศผู้ร้องสำนวนแรกและให้ถอดถอนนายอัมพรจำเลยสำนวนที่สองออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนายสิงห์

ผู้ร้องสำนวนแรกและจำเลยสำนวนที่สองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องสำนวนแรกและจำเลยสำนวนที่สองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องฎีกาว่าผู้จัดการมรดกทั้งสองมิได้จัดการมรดกด้วยตนเอง แต่ได้มอบอำนาจให้นายเฉลิมลาภจัดการแทนเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายนั้น เห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1723บัญญัติว่า”ผู้จัดการมรดกต้องจัดการโดยตนเอง เว้นแต่จะทำการโดยตัวแทนได้ตามอำนาจที่ให้ไว้โดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายในพินัยกรรมหรือโดยคำสั่งศาลหรือในพฤติการณ์เพื่อประโยชน์แก่กองมรดก” ตามบทบัญญัติดังกล่าวจะเห็นว่าไม่ได้ห้ามผู้จัดการมรดกตั้งตัวแทนเสียเลยทีเดียว หากเป็นการตั้งตัวแทนกระทำการเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกย่อมจักกระทำได้ ดังนี้ แม้ผู้จัดการมรดกทั้งสองได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้นายเฉลิมลาภซึ่งเป็นทนายความจัดการแทน ข้อเท็จจริงก็ได้ความเพียงว่านายเฉลิมลาภได้มีหนังสือถึงทายาทให้ส่งทรัพย์มรดก เฉพาะผู้ร้องให้ส่งมอบโฉนดและให้แจ้งทรัพย์มรดกเท่านั้น ซึ่งก็ได้กระทำไปเพื่อประโยชน์แก่กองมรดก นอกนั้นผู้จัดการมรดกทั้งสองได้จัดการมรดกด้วยตนเอง เช่นประชุมจัดการมรดกรวบรวมทรัพย์และทำบัญชีทรัพย์มรดกยื่นต่อศาลเป็นต้น จึงฟังไม่ได้ว่าผู้จัดการมรดกทั้งสองมิได้กระทำการตามหน้าที่

สำหรับฎีกาของจำเลยที่อ้างว่าจำเลยมิได้ละเลยในการทำหน้าที่และไม่มีเหตุที่ถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนายสิงห์นั้น ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาได้ความว่า ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งตั้งจำเลยนายประสิทธิ์ศักดิ์และนายประเสริฐเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ คนทั้งสามได้ตกลงกับนางกรายโจทก์ที่ 1ต่อหน้าศาลว่าจะรวบรวมทรัพย์สินแบ่งให้นางกรายก่อน แล้วจะแบ่งมรดกที่เหลือให้บรรดาทายาทต่อไป (รายงานกระบวนพิจาณาลงวันที่ 26 มกราคม 2513)หลังจากศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกแล้ว นายประสิทธิ์ศักดิ์ นายประเสริฐผู้จัดการมรดกทั้งสองซึ่งเป็นเสียงข้างมากและบรรดาทายาทจะแบ่งทรัพย์สินให้นางกรายกึ่งหนึ่งก่อน จำเลยกับนางอุทิศภริยาก็ไม่ยอมให้แบ่ง โดยอ้างว่านางกรายไม่มีสินเดิม ไม่มีสิทธิได้ส่วนแบ่งสินสมรส ผู้จัดการมรดกทั้งสองและทายาทจะขายที่ดินนอกเขตเทศบาลตามข้อกำหนดในพินัยกรรม จำเลยและภริยาก็คัดค้านไม่ให้ขายอีก เนื่องจากจำเลยและภริยาคัดค้านดังกล่าว จึงยังไม่ได้แบ่งทรัพย์สินให้นางกรายและยังไม่ได้ขายที่ดินและตามคำสั่งของเจ้ามรดกในพินัยกรรมให้ส่งเสียทายาทเล่าเรียนจนสุดความสามารถจำเลยและภริยาก็คัดค้านที่ผู้จัดการมรดกทั้งสองเอาเงินมรดกส่งทายาทไปศึกษาต่อต่างประเทศภริยาจำเลยมาขอดูเอกสารเกี่ยวกับทรัพย์มรดกจากนางกรายแล้วแย่งเอกสารดังกล่าวไปไม่ยอมคืนให้ จำเลยไม่ยอมรับรู้ในการฝากและถอนเงินมรดกจากธนาคาร ในการประชุมผู้จัดการมรดกและทายาท จำเลยและภริยาก็เกิดทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกับนายสมบูรณ์และนายทรัพย์สินทายาท การที่ภริยาจำเลยร้องขอถอนนายประสิทธิ์ศักดิ์และนายประเสริฐออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและร้องคัดค้านต่าง ๆ เชื่อว่าจำเลยซึ่งเป็นสามีรู้เห็นเป็นใจด้วย นางกรายภริยาเจ้ามรดกและทายาททุกคนเว้นแต่ภริยาจำเลยไม่ประสงค์จะให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2513 จนกระทั่งบัดนี้นางกรายและบรรดาทายาทยังมิได้รับการแบ่งปันมรดกเลย จำเลยไม่ให้ความร่วมมือในการจัดการมรดกและคัดค้านตลอดมา หากจะให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกอีกต่อไป การจัดการมรดกย่อมจะล่าช้าและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่กองมรดกและทายาทได้ศาลฎีกาเห็นว่าตามพฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวมา กรณีมีเหตุสมควรที่จะถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนายสิงห์ ส่วนข้อฎีกาของจำเลยที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น เห็นว่าไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย

พิพากษายืน

Share