คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3274/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้รับฝากเสื้อผ้าของผู้เสียหายไว้หลายรายการ ต่อมาระหว่างวันที่ 14 มีนาคม 2525 ตลอดมาจนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2525 จำเลยได้เบียดบังยักยอกเอาเสื้อผ้าที่ได้รับฝากไว้ดังกล่าวรวม 2 รายการราคา 125,000 บาท ของผู้เสียหายไปเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต ดังนี้ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ แล้ววินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุม พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “มีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอก โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้รับฝากเสื้อผ้าของผู้เสียหายไว้หลายรายการ ต่อมาระหว่างวันที่ 14 มีนาคม 2525ตลอดมาจนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2525 จำเลยได้เบียดบังยักยอกเอาเสื้อผ้าที่ได้รับฝากไว้ดังกล่าว รวม 2 รายการ ราคา 125,000 บาท ของผู้เสียหายไปเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต เช่นนี้เห็นว่าฟ้องโจทก์ได้กล่าวถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับเวลา สถานที่ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 3929/2525 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรี โจทก์ บริษัทเพชรบุรีจังหวัดพาณิชย์ จำกัด โจทก์ร่วม นายประทีป ประเสริฐจิตร กับพวก จำเลย ส่วนการที่จำเลยจะกระทำการเบียดบังยักยอกเอากางเกงและเสื้อผ้าต่าง ๆ ของผู้เสียหายตามฟ้องโจทก์ไปโดยลักษณะวิธีการอย่างใดนั้นเป็นเรื่องรายละเอียดข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบแสดงในชั้นพิจารณาซึ่งจำเลยย่อมมีสิทธินำสืบแก้ได้ในภายหลัง ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว”

พิพากษายืน

Share