แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรณีจะปรับเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุกพ.ศ.2514 มาตรา 19,30 ข้อเท็จจริงจะต้องปรากฏชัดว่าผู้ขายแร่ เป็นผู้ทำเหมือง
การที่จำเลยซื้อแร่โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตซื้อแร่จึงไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510มาตรา 105(6) พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2516มาตรา 31
แร่ของกลางจำเลยได้มาโดยการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 มาตรา 147,148 จึงต้องริบตามมาตรา154 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2516 มาตรา39
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนบริษัทสหะแร่ไทยภาคใต้ จำกัด ผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ ได้ซื้อแร่ดีบุกจำนวน 600 กิโลกรัม คิดเป็นเงิน 55,000 บาท จากผู้ขายแร่ โดยผู้ขายไม่ได้มอบเอกสารให้แก่จำเลยเพื่อแสดงว่าเป็นแร่ที่ได้มาโดยประทานบัตรชนิดใด หรือเพื่อแสดงว่าแร่ที่ขายเป็นแร่ของผู้ขายที่เป็นใบอนุญาตซื้อแร่ กับรับซ้อแร่ดีบุกจากผู้ขายแร่ที่ผู้ขายไม่ได้แสดงใบอนุญาตร่อนแร่ และยังได้ซื้อแร่ดีบุกจากผู้ทำเหมืองที่ขายโดยไม่มีใบสุทธิแร่ และจำเลยมีแร่ดีบุกจำนวน 600 กิโลกรัม เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ในครอบครอง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 98, 105, 147, 148, 154, 155 ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2516 มาตรา 28, 31, 39, 40 พระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุก พ.ศ. 2514 มาตรา 19, 30 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบของกลางจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัล
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 98, 105, 147, 148, 154, 155 ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2516มาตรา 28, 31, 39, 40 พระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุก พ.ศ. 2514 มาตรา 19, 30 ความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 98 และพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุก พ.ศ. 2514 มาตรา 19 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทมีโทษเท่ากัน ลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 147 ปรับ 1,000 บาท และจำเลยผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105 ลงโทษตามมาตรา 148 อีกบทหนึ่ง ปรับ 2,000 บาท รวมโทษปรับ 3,000 บาท ของกลางริบ จ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลร้อยละห้าสิบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีแร่ดีบุกของกลางน้ำหนักประมาณ600 กิโลกรัม โดยผิดกฎหมายแล้ววินิจฉัยว่า แร่ดีบุกของกลางไม่ปรากฏจำนวนตามบัญชีสต๊อค ไม่มีหลักฐานการซื้อมาในบัญชีซื้อแร่ ไม่มีเอกสารที่ผู้ขายมอบให้เพื่อแสดงว่าเป็นแร่ที่ผู้ขายมีอำนาจขายได้ตามกฎหมายบังคับการซื้อแร่ของจำเลยเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 98 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 28 จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 147 และโดยที่จำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองเกินสองกิโลกรัมจึงเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 31 อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 148 ด้วย ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุก พ.ศ. 2514 มาตรา 19, 30 นั้น ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏชัดว่าผู้ขายแร่เป็นผู้ทำเหมืองจะปรับเป็นความผิดฐานนี้ยังไม่ได้
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีใบอนุญาตซื้อแร่และแร่ของกลางอยู่ในสถานที่ซื้อแร่ จึงเข้าข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105(6)จำเลยไม่ควรมีความผิดตามมาตรา 148 นั้น เห็นว่าตามพระราชบัญญัติแร่พ.ศ. 2510 มาตรา 105(6) พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 31 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดมีแร่ไว้ในครอบครองแต่ละชนิดเกินสองกิโลกรัม เว้นแต่ ฯลฯ (6) ในสถานที่ซื้อแร่ตามใบอนุญาตซื้อแร่” การที่จำเลยซื้อแร่โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตซื้อแร่ กรณีของจำเลยหาต้องด้วยข้อยกเว้นไม่แร่ของกลางจำเลยได้มาโดยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 147, 148 จึงต้องริบตามมาตรา 154 พระราชบัญญัติแร่(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 39
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุก พ.ศ. 2514 มาตรา 19, 30 เสีย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์