แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายตามคำพิพากษาของศาลนั้นมีผลนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้นค่าอุปการะเลี้ยงดูจะต้องกำหนดให้นับแต่วันดังกล่าว การที่ศาลล่างกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นเงินก้อนครั้งเดียว โดยกำหนดให้นับแต่วันฟ้องจึงไม่ชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าเด็กหญิงบัวเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเดือนละ 1,500 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าเด็กหญิงบัวจะบรรลุนิติภาวะเป็นเวลา19 ปี 6 เดือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 351,000 บาท
จำเลยให้การว่า เด็กหญิงบัวไม่ใช่บุตรของจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นหนี้ตามศีลธรรม โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เด็กหญิงบัว เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กหญิงบัว แก่โจทก์จำนวน 294,000 บาท (กำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูรวมกันทั้งหมดในช่วง 10 ปีแรกเดือนละ 1,000 บาท ซึ่งโจทก์ขอมาเป็นเวลา 9 ปี6 เดือน เป็นเงิน 114,000 บาท และในช่วง 10 ปีหลังเดือนละ1,500 บาท เป็นเงิน 180,000 บาท)
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์คลอดเด็กหญิงบัวเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2531 ก่อนโจทก์คลอดบุตรดังกล่าว จำเลยได้ร่วมประเวณีกับโจทก์หลายครั้ง โดยโจทก์ไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์เนื่องจากจำเลยต้องการมีบุตรกับโจทก์ เพราะภรรยาของจำเลยไม่สามารถมีบุตรได้จนโจทก์ตั้งครรภ์และโจทก์ได้บอกให้จำเลยทราบ จำเลยเกรงว่าภรรยาของจำเลยจะทราบเรื่อง จึงจัดการให้โจทก์ไปอยู่กับนายเฉลียวเพื่อนของจำเลย จากนั้นจำเลยได้ไปเยี่ยมโจทก์หลายครั้งและพาโจทก์ไปหาแพทย์ด้วย นอกจากนี้จำเลยยังได้เขียนจดหมายถึงโจทก์หลายฉบับซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งว่า “น้องนีย์ ขอให้อดทนหน่อย อีกไม่นานพี่จะมารับไปอยู่ที่อื่นพร้อมลูก” กับอีกตอนหนึ่งว่า “ขอให้เลี้ยงลูกให้ดี เดี๋ยวนี้พี่รักนีย์และลูกมากเลย” ซึ่งเป็นข้อความที่แสดงว่าเด็กหญิงบัวเป็นบุตรของจำเลย ทั้งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ไปร่วมประเวณีกับชายอื่น คดีจึงรับฟังได้ว่าเด็กหญิงบัวเป็นบุตรของจำเลย ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดสูงเกินไปนั้น เห็นว่าที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้จำเลยชำระเป็นเงินก้อนครั้งเดียวจำนวน 294,000 บาท โดยกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูตามที่โจทก์ขอมานับแต่วันฟ้องนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1557(3)บัญญัติให้การเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 1547 มีผลนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจะต้องกำหนดให้นับแต่วันดังกล่าว มิใช่นับแต่วันฟ้อง ส่วนค่าอุปการะเลี้ยงดูจะเป็นเท่าไรนั้น จำเลยมิได้นำสืบให้เห็นว่า ควรเป็นอย่างไรจึงเห็นสมควรให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูตามที่ศาลล่างทั้งสองกำหนด แต่ให้เริ่มคำนวณนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดจนกว่าเด็กหญิงบัวจะบรรลุนิติภาวะ
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กหญิงบัว นนทะ เดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด จนกว่าเด็กหญิงบัว นนทะ จะมีอายุครบสิบปีบริบูรณ์หลังจากนั้นให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูเดือนละ 1,500 บาท จนกว่าเด็กหญิงบัว นนทะ จะบรรลุนิติภาวะ โดยให้จำเลยชำระเป็นเงินก้อนครั้งเดียว นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2