คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ของโจทก์อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัด เพราะในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์และทนายโจทก์มาศาลแล้ว แต่จำเลยไม่มาศาลจึงคิดว่าศาลคงเลื่อนคดี ทนายโจทก์จึงไปว่าความอีกศาลหนึ่ง ส่วนโจทก์แยกไปทำธุระโดยไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่หรือขออนุญาตจากศาล ดังนี้ ศาลชั้นต้นไม่ควรยกคำร้อง ชอบที่จะไต่สวนว่าเป็นความจริงหรือไม่ เพราะหากเป็นความจริงตามคำร้องก็ถือว่ามีเหตุสมควรที่จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ให้ประทับฟ้อง
วันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นจึงยกฟ้อง
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามคำร้องโจทก์อ้างว่าในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์และทนายโจทก์มาศาลตามกำหนดนัดแล้ว แต่ด้วยความเข้าใจผิดที่จำเลยไม่มาศาล คิดว่าศาลคงเลื่อนคดี ทนายโจทก์จึงไปว่าความคดีอื่นที่ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ส่วนโจทก์ขอแยกไปทำธุระด้วยความสะเพร่ามิได้แจ้งเจ้าหน้าที่ศาลหรือขออนุญาตจากศาลก่อนจึงมิได้จงใจขาดนัดนั้น เห็นว่า หากเป็นความจริงตามคำร้องโจทก์ก็พอถือว่ามีเหตุสมควรที่จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้องของโจทก์เสียก่อนว่าเป็นความจริงตามคำร้องหรือไม่ที่ศาลชั้นต้นงดไต่สวนและมีคำสั่งยกคำร้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของโจทก์ แล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี”.

Share