คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3270/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกมีเมทแอมเฟตามีน 10,000 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไปทั้งหมด แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า เมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมีปริมาณสารบริสุทธิ์เท่าใด แต่โจทก์บรรยายฟ้องมาแล้วว่า เมทแอมเฟตามีนของกลาง 40,000 เม็ด ที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายมีน้ำหนัก 3,768.042 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 796.982 กรัม อันเป็นการบรรยายฟ้องขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) แล้ว และเมทแอมเฟตามีน 10,000 เม็ด ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 40,000 เม็ด ซึ่งตามรายงานการตรวจพิสูจน์ของกลางพบปริมาณเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 796.982 กรัม และมีเมทแอมเฟตามีนของกลางเหลือจากการพิสูจน์ 3,749.201 กรัม ปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนตามรายงานการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวเห็นได้ว่า เป็นการนำเมทแอมเฟตามีนของกลางบางส่วนมาตรวจพิสูจน์หาปริมาณสารบริสุทธิ์ แล้วจึงนำผลที่ได้ มาคำนวณหาปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนของกลาง 40,000 เม็ด ซึ่งสอดคล้องกับบทบัญญัติของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ที่กำหนดปริมาณสารบริสุทธิ์ของยาเสพติดให้โทษโดยการคำนวณ จึงคำนวณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีน 10,000 เม็ด ดังกล่าวได้เช่นเดียวกันว่ามีปริมาณเป็นสารบริสุทธิ์ 199.2455 กรัม โดยไม่มีข้อสงสัยว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวอาจมีส่วนผสมที่แตกต่างกับเมทแอมเฟตามีนส่วนอื่นที่จะทำให้ปริมาณสารบริสุทธิ์คำนวณได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยกรัม
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2554)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 58, 83 และริบเมทแอมเฟตามีนกับของกลางอื่นทั้งหมด
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม), 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้จำคุกตลอดชีวิต (ที่ถูก การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเพียงบทเดียว) จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 25 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 37 ปี 6 เดือน และริบของกลาง ยกฟ้องจำเลยที่ 3
โจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 และที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างนายมานพ จำเลยที่ 2 นำตู้ลำโพงส่งให้จำเลยที่ 1 ซ่อมตามคำสั่งนายมานพ จำเลยที่ 2 ไม่ทราบว่าภายในตู้ลำโพงมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ เห็นว่า พันตำรวจโทถนัดเบิกความว่า ก่อนจำเลยที่ 2 จะนำตู้ลำโพงที่ซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบให้จ่าสิบตำรวจไชยราชและสิบตำรวจโทคนังซึ่งปลอมตัวเป็นพ่อค้าที่โรงแรมวังเงิน พันตำรวจโทถนัดเห็นจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์มากับจำเลยที่ 1 ที่ห้องพักโรงแรมวังเงิน เพื่อนับเงินที่ใช้ล่อซื้อ หลังจากนั้นจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์คันเดิมมาที่ห้อง นำกล่องคล้ายตู้ลำโพงมาด้วยเพื่อส่งมอบให้จ่าสิบตำรวจไชยราชและสิบตำรวจโทคนัง พฤติการณ์จึงเห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ติดต่อประสานงานและส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่ผู้ล่อซื้อโดยทราบรายละเอียด จำนวนเมทแอมเฟตามีนที่ต้องการซื้อและวิธีซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนโดยจัดบรรจุเมทแอมเฟตามีนในตู้ลำโพงเพื่อส่งมอบแก่จ่าสิบตำรวจไชยราชและสิบตำรวจโทคนังจนกระทั่งถูกจับ ซึ่งวิธีซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนมาในตู้ลำโพงเป็นวิธีที่แนบเนียนเพื่ออำพรางการส่งมอบเมทแอมเฟตามีนมิให้ถูกพบเห็น ข้อเท็จจริงรับฟังว่า จำเลยที่ 2 ทราบว่าภายในตู้ลำโพงมีเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนอยู่ ฎีกาของจำเลยที่ 2 ในปัญหานี้ฟังไม่ขึ้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10,000 เม็ด ซุกซ่อนในตู้ลำโพงไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไปทั้งหมด แม้ฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่า เมทแอมเฟตามีนมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เท่าใด แต่โจทก์บรรยายฟ้องมาแล้วว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 40,000 เม็ด ที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายมีน้ำหนัก 3,768.042 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 796.982 กรัม ซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินหนึ่งร้อยกรัม อันเป็นการบรรยายฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) แล้ว และเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายจำนวน 10,000 เม็ด ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 40,000 เม็ด ที่โจทก์บรรยายฟ้องมาครบองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) และตามรายงานการตรวจพิสูจน์เมทแอมเฟตามีนของกลาง ซึ่งจำเลยที่ 2 มิได้นำสืบโต้แย้งคัดค้าน เมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 40,000 เม็ด ตรวจพบปริมาณเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 796.982 กรัม และมีเมทแอมเฟตามีนของกลางเหลือจากการตรวจพิสูจน์จำนวน 3,749.201 กรัม ปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนตามรายงานการตรวจพิสูจน์ เห็นได้ว่า เป็นการนำเมทแอมเฟตามีนของกลางบางส่วนมาตรวจพิสูจน์หาปริมาณสารบริสุทธิ์ แล้วจึงนำผลที่ได้มาคำนวณหาปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 40,000 เม็ด ซึ่งสอดคล้องกับบทบัญญัติของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ที่กำหนดปริมาณสารบริสุทธิ์ของยาเสพติดให้โทษโดยการคำนวณ เมื่อเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10,000 เม็ด เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 40,000 เม็ด ของกลาง จึงคำนวณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10,000 เม็ด ได้เช่นเดียวกันว่าเป็นสารบริสุทธิ์ 199.2455 กรัม ซึ่งเกินกว่าหนึ่งร้อยกรัม โดยไม่มีข้อสงสัยว่าเมทแอมเฟตามีนอาจมีส่วนผสมที่แตกต่างกับเมทแอมเฟตามีนส่วนอื่นที่จะทำให้ปริมาณสารบริสุทธิ์คำนวณได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยกรัม กรณีจึงลงโทษจำเลยที่ 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ได้ และพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 ที่แก้ไขใหม่ ไม่เป็นคุณแก่จำเลยที่ 2 จึงต้องใช้กฎหมายเดิม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะกระทำความผิดบังคับแก่จำเลยที่ 2
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 4 ว่า จำเลยที่ 4 มีความผิดตามฟ้องด้วยหรือไม่ เห็นว่า ขณะจ่าสิบตำรวจไชยราชและสิบตำรวจโทคนังซึ่งปลอมตัวเป็นสายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำนวน 10,000 เม็ด บริเวณโรงแรมวังเงิน จำเลยที่ 4 ไม่ได้อยู่ด้วย คงมีจำเลยที่ 1 อยู่กับจำเลยที่ 2 เพียงสองคนเท่านั้น จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 4 เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 10,000 เม็ด ตามฟ้อง นอกจากนี้ขณะเจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน 30,000 เม็ด ที่บ้านจำเลยที่ 4 นั้น จำเลยที่ 4 นำสืบต่อสู้ว่า จำเลยที่ 4 ไม่ได้อยู่ที่บ้าน จำเลยที่ 4 ขับรถจักรยานยนต์ออกไปพบแพทย์เนื่องจากจำเลยที่ 4 ตั้งครรภ์กับนายมานพ ที่พันตำรวจโทถนัดและดาบตำรวจเกรียงศักดิ์ เบิกความว่า ขณะเข้าตรวจยึดเมทแอมเฟตามีนที่บ้านจำเลยที่ 4 เห็นจำเลยที่ 4 นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่หน้าบ้าน แต่ในบันทึกการจับกุมกลับไม่ปรากฏรายละเอียดว่า จำเลยที่ 4 นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่หน้าบ้านดังที่เบิกความ ทั้งที่บันทึกการจับกุมทำในวันเกิดเหตุและในแผนที่เกิดเหตุ ก็ไม่ปรากฏรายละเอียดว่า จำเลยที่ 4 นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่หน้าบ้านตามที่เบิกความ ในชั้นสอบสวนพันตำรวจตรีสมบัติ เบิกความรับรองว่า จำเลยที่ 4 ให้การในชั้นสอบสวนตามบันทึกคำให้การ ซึ่งบันทึกคำให้การทำขึ้นในวันเกิดเหตุนั่นเอง จำเลยที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 4 ขับรถจักรยานยนต์ไปพบแพทย์ขณะถึงบ้านป่าเหมือดได้พบเจ้าพนักงานตำรวจหลายคน เจ้าพนักงานตำรวจเรียกให้จำเลยที่ 4 หยุดรถจักรยานยนต์พร้อมกับแจ้งว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจค้นบ้านพักของจำเลยที่ 4 พบเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 30,000 เม็ด บรรจุถุงพลาสติกแบบมีหูหิ้วสีฟ้า 1 ใบ ซุกซ่อนอยู่ในกระติกใส่น้ำแข็งสีแดง 1 ใบ โดยมีจำเลยที่ 3 อยู่ในบริเวณบ้านพัก เจ้าพนักงานตำรวจนำตัวจำเลยที่ 4 ไปที่บ้านพัก เมื่อไปถึงเจ้าพนักงานตำรวจนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 30,000 เม็ด บรรจุในกระติกใส่น้ำแข็งสีแดง ซึ่งตรวจค้นได้บริเวณฝาบ้านใกล้กับตู้กับข้าวมาให้จำเลยที่ 4 ตรวจดู คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 4 ให้การในวันเดียวกันกับวันเกิดเหตุ จำเลยที่ 4 ยังไม่มีโอกาสปรุงแต่งเรื่องเพื่อแก้ตัวให้พ้นผิดและยังยืนยันตามคำให้การตลอดมา ข้ออ้างของจำเลยที่ 4 มีน้ำหนักน่าเชื่อ ข้อเท็จจริงที่ว่า จำเลยที่ 4 นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่หน้าบ้านขณะเจ้าพนักงานตำรวจเข้ามาตรวจค้นจริงหรือไม่ จึงยังเป็นที่สงสัยอยู่ ส่วนที่พันตำรวจโทถนัดและดาบตำรวจเกรียงศักดิ์เบิกความว่า เมทแอมเฟตามีนจำนวน 30,000 เม็ด ตรวจค้นได้ที่บ้านจำเลยที่ 4 อยู่ในกระติกใส่น้ำแข็งสีแดง ก็ไม่ได้ความว่ากระติกใส่น้ำแข็งสีแดงซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน แต่กลับปรากฏตามรูปถ่ายว่า กระติกใส่น้ำแข็งสีแดงวางอยู่ใกล้ผนังข้างบ้านใต้ก๊อกน้ำ ชั้นล่างนอกตัวบ้านซึ่งเป็นที่โล่ง หากเป็นจริงอาจมีบุคคลหรือจำเลยอื่นนำมาวางไว้ขณะจำเลยที่ 4 ไม่อยู่บ้านก็เป็นได้ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานอื่นใดมาสืบให้เห็นชัดว่า จำเลยที่ 4 มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเมทแอมเฟตามีนจำนวน 30,000 เม็ด กรณีมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 4 ได้กระทำความผิดหรือไม่ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยที่ 4 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง คดีรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกระทำความผิดตามฟ้อง ฎีกาของจำเลยที่ 4 ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

Share