คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3262/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยกับผู้ตายมีสาเหตุทะเลาะกันในตอนเช้าเนื่องจากจำเลยไปจับปลาที่หน้าวัด ผู้ตายเข้าห้ามปราม ต่อมาเวลากลางคืนจำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองของบิดายิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ระยะเวลาที่เกิดเหตุกับที่ทะเลาะวิวาทห่างกัน เหตุทะเลาะวิวาทก็ไม่ร้ายแรงถึงกับจะเอาชีวิตกัน เมื่อไม่ปรากฏจากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยได้วางแผนเตรียมการเพื่อจะฆ่าผู้ตายมาก่อนดังนี้ไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีไว้ในความครอบครองและพาพาอาวุธปืนลูกซองพร้อมด้วยเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยได้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อนขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไต่รตรองไว้ก่อนให้ประหารชีวิตฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี ลดโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จำคุกตลอดชีวิต ศาลลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตแล้วจึงไม่ต้องนำโทษในกระทงความผิดอื่นมารวมเข้าด้วยตามมาตรา 91(3)ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 20 ปีรวมกระทงที่ศาลลงแล้วจำคุก 22 ปี ลดหนึ่งในสามจำคุก 14 ปี 8 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยจำเลยมิได้ฎีกาว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 22 นาฬิกาจำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองยาวซึ่งเป็นอาวุธปืนของนายสอิ้ง เทศทองบิดาของจำเลยยิงนายเชลย แสงมณีผู้ตายหลายนัดเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนนั้น มีปัญหาในชั้นนี้ตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ ทางพิจารณาโจทก์มีนายทุ้ย ภู่ระหวงษ์มาเบิกความว่า บ้านของพยานอยู่ใกล้บ้านของผู้ตาย คืนเกิดเหตุพยานได้ยิงเสียงปืน 3 นัดจากทางบ้านผู้ตาย พยานเดินไปที่บ้านผู้ตาย ระหว่างทางห่างจากบ้านผู้ตาย10 เมตรพบผู้ตายคลานอยู่ที่พื้นดิน ผู้ตายบอกพยานว่าถูกจำเลยยิงและขอให้พยานไปตามผู้ใหญ่บ้าน พยานจึงไปตามนายจำเริญ ก้อนทองคำผู้ใหญ่บ้าน เมื่อนายจำเริญไปถึงบ้านผู้ตาย ผู้ตายมีอาการหนักพูดไม่ได้ นายจำเริญพาผู้ตายส่งโรงพยาบาล นายจำเริญ ก้อนทองคำพยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความว่า วันเกิดเหตุตอนเช้าผู้ตายไปหาพยานที่บ้านบอกว่าจำเลยไปหาปลาที่วัด ผู้ตายต่อว่าและเกิดทะเลาะกับจำเลย ผู้ตายกลัวว่าวันนั้นจะมีคนมาดักยิง ต่อมาเวลาประมาณ22 นาฬิกา นายทุ้ยไปบอกพยานว่าผู้ตายถูกยิงและผู้ตายบอกว่าจำเลยเป็นคนยิง พยานจึงไปที่เกิดเหตุพบผู้ตายนอนอยู่บนพื้นดินห่างบ้านผู้ตายราว 10 ว่า ผู้ตายถูกยิงด้วยปืนลูกซองหลายแห่งอาการหนัก พยานพาผู้ตายส่งโรงพยาบาล เมื่อถึงโรงพยาบาลสักครู่หนึ่งผู้ตายก็ถึงแก่ความตาย และได้ความจากพันตำรวจโทสมพงษ์ นิลสินพยานโจทก์ว่า รุ่งเช้าหลังเกิดเหตุพยานเป็นผู้ไปตรวจที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 2 ปลอก หมอนกระสุนปืนลูกซองและหัวกระสุนปืนลูกซองอีกหลายเม็ด พยานได้สอบถามนายทุ้ยแล้วได้ความว่าจำเลยเป็นคนร้ายจึงไปตรวจค้นบ้านจำเลยในวันเดียวกันนั้น พบปืนลูกซองยาว 5 นัด 1 กระบอก ซึ่งเป็นของนายสอิ้ง เทศทองบิดาจำเลย และพบกระสุนปืนลูกซองอีกหลายนัด ได้ส่งอาวุธปืนดังกล่าวและปลอกกระสุนปืนของกลางไปตรวจพิสูจน์ ได้รับรายงานผลการตรวจพิสูจน์ว่าปลอกกระสุนปืนของกลางยิงมาจากอาวุธปืนลูกซองยาวที่ยึดมาได้ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.4 ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ในคดีนี้คงรับฟังได้ว่าวันเกิดเหตุเวลาเช้า จำเลยกับผู้ตายทะเลาะกันเนื่องจากจำเลยไปจับปลาที่หน้าวัดแล้วผู้ตายเข้าห้ามปราม ต่อมาในคืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 22 นาฬิกาจำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองยาวของบิดาจำเลยยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้การที่จำเลยกับผู้ตายมีสาเหตุกันและต่อมาจำเลยได้ใช้อาวุธปืนของบิดาตนผู้ตายนั้น ยังไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเสมอไประยะเวลาที่เกิดเหตุกับที่ทะเลาะวิวาทก็ห่างกัน ประกอบกับเหตุที่ทะเลาะวิวาทก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงถึงขนาดต้องเอาชีวิตกัน เมื่อไม่ปรากฏจากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาว่าจำเลยได้วางแผนเตรียมการเพื่อจะฆ่าผู้ตายมาก่อนข้อเท็จจริงจึงยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”
พิพากษายืน

Share