คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ป.พ.พ. มิได้มีบทบัญญัติว่าผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนจะต้องชำระบัญชีให้เสร็จภายในกำหนดเวลาใด เมื่อการชำระบัญชียังไม่เสร็จผู้ชำระบัญชีย่อมมีอำนาจตามมาตรา 1259 ระยะเวลาการชำระบัญชีไม่ใช่อายุความจะนำบทบัญญัติเรื่องอายุความมาใช้บังคับไม่ได้ สัญญาจำนองระบุว่าไม่คิดดอกเบี้ยแก่กัน โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลย แต่เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ และโจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง จำเลยผิดนัดดังนี้จำเลยต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัด ตามมาตรา 224 วรรคหนึ่ง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัดราชบุรีจินดาพานิช ซึ่งโจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างดังกล่าวด้วย เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2512 จำเลยได้ทำสัญญาจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 7352 ตำบลบางขุนกอง (บางราวนกฝั่งใต้) อำเภอบางกรวย(บางใหญ่) จังหวัดนนทบุรี ไว้กับโจทก์เพื่อเป็นประกันนายสุรศักดิ์รอดเกิด และนายวิบูลย์ บุญญทวีวัฒนะ ซึ่งเป็นลูกหนี้โจทก์เป็นเงิน300,500 บาท กำหนดไถ่ถอนภายใน 18 เดือน เมื่อเลยกำหนดแล้วโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ และบังคับจำนองตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือบอกกล่าวเอกสารท้ายฟ้อง จำเลยได้รับหนังสือแต่ไม่นำเงินมาชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง นับแต่วันครบกำหนดไถ่ถอนจำนองถึงวันฟ้องเป็นเวลา 14 ปีเศษ โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของหนี้จำนองเป็นเวลา 5 ปี รวมเป็นดอกเบี้ย112,687.50 บาท และรวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ย 413,187.50 บาทขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 413,187.50 บาท ให้โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 300,500 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยไม่ชำระหนี้ดังกล่าวขอให้ยึดทรัพย์สินจำนองขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์
จำเลยให้การว่า นายสุรศักดิ์ รอดเกิด และนายวิบูลย์บุญญทวีวัฒนะ ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากบริษัทเจริญไทยมอเตอร์เซลล์จำกัด ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการผู้จัดการ จำนวน 7 คัน เป็นเงิน1,000,000 บาท แต่เวลาทำสัญญาเช่าซื้อกลับให้ทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์ จำเลยทำสัญญาจำนองที่ดินพิพาทเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2512เป็นเงิน 300,500 บาท โดยไม่คิดดอกเบี้ยต่อกัน และเมื่อนายวิบูลย์บุญญทวีวัฒนะ และนายสุรศักดิ์ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถทั้ง 7 คันแล้วผิดนัดไม่ส่งค่างวดโจทก์ตกลงเลิกสัญญาและยึดรถคืนหมดทุกคัน สัญญาเช่าซื้อจึงเป็นอันระงับลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574เมื่อสัญญาเช่าซื้อระงับลง สัญญาจำนองอันเป็นสัญญาอุปกรณ์จึงต้องระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744 หนี้จำนองจึงระงับแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง คดีโจทก์ขาดอายุความ และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 300,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2527 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จหากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 7352 ตำบลบางขุนกอง(บางราวนกฝั่งใต้) อำเภอบางกรวย (บางใหญ่) จังหวัดนนทบุรี ที่จำนองขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ได้ความตามที่คู่ความนำสืบโดยไม่โต้เถียงกันว่า นายวิบูลย์ บุญญทวีวัฒนะ กับ นายสุรศักดิ์ รอดเกิด ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกรวม 7 คัน เป็นเงิน 1,000,000 บาทเศษจากห้างหุ้นส่วนจำกัดราชบุรีจินดาพานิช สาขานครปฐม ซึ่งโจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ โดยผู้เช่าซื้อจะชำระเงินให้เดือนละ 10,000 บาทต่อรถหนึ่งคัน นายสุรศักดิ์ออกเช็คลงวันที่ล่วงหน้า 3 ฉบับ ๆ ละ70,000 บาท ให้โจทก์ในวันทำสัญญา จำเลยได้นำที่ดินมาจดทะเบียนจำนองค้ำประกันหนี้เป็นเงิน 300,500 บาท โดยไม่มีการคิดดอกเบี้ย กำหนดไถ่ถอนภายใน 18 เดือน ตามสัญญาจำนองเอกสารหมาย จ.1 ปรากฏว่าเช็คสามฉบับที่นายสุรศักดิ์สั่งจ่ายนั้นขึ้นเงินไม่ได้ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและยึดรถทั้ง 7 คัน คืนมา ต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัดราชบุรีจินดาพานิช ได้เลิกกิจการเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2516 ที่ประชุมผู้เป็นหุ้นส่วนลงมติตั้งโจทก์เป็นผู้ชำระบัญชี โจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้จำนองและไถ่จำนอง โดยให้นำเงินต้น300,500 บาท และดอกเบี้ยมาชำระแต่จำเลยไม่ชำระ…
ประเด็นที่สองจำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะนายจิตติอัคคพงษ์กุล ได้รับหน้าที่เป็นผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัดราชบุรีจินดาพานิช ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2516 จึงต้องชำระบัญชีของห้างดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายใน 10 ปี เมื่อมิได้ชำระบัญชีให้เสร็จสิ้น ภายในเวลาดังกล่าว อำนาจของผู้ชำระบัญชีจึงสิ้นสุดลงนั้นเห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มิได้มีบทบัญญัติว่าผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนจะต้องชำระบัญชีให้เสร็จภายในกำหนดเวลาใดดังนั้น ตราบใดที่การชำระบัญชียังไม่เสร็จ ผู้ชำระบัญชีย่อมมีอำนาจตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1259 ซึ่งรวมทั้งอำนาจว่าต่างในนามห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นในอรรถคดีด้วยที่จำเลยอ้างว่า เมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มิได้บัญญัติว่าผู้ชำระบัญชีจะต้องชำระบัญชีเสร็จภายในเวลาเท่าใด ก็ต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความทั่วไปมาบังคับคือภายใน 10 ปี ตามมาตรา 164 นั้น เห็นว่า อายุความดังกล่าวเป็นอายุความเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องถ้ามิได้ใช้บังคับเสียภายในระยะเวลาอันกฎหมายกำหนดไว้ เป็นอันขาดอายุความตามมาตรา 163 แต่ระยะเวลาการชำระบัญชีไม่ใช่อายุความ จึงจะนำบทบัญญัติเรื่องอายุความจึงจะนำบทบัญญัติเรื่องอายุความมาใช้บังคับไม่ได้…
ประเด็นสุดท้ายจำเลยฎีกาว่า สัญญาจำนองระบุว่าไม่คิดดอกเบี้ยแก่กัน โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยนั้น เห็นว่า แม้โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลย ตั้งแต่ต้นก็ตาม แต่เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระและโจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือ ปรากฏว่าจำเลยได้รับหนังสือวันที่ 13 มิถุนายน 2527 แต่จำเลยมิได้ชำระหนี้จำนวน300,500 บาท ภายในกำหนดคือวันที่ 13 กรกฎาคม 2527 จำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดนัดต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่ผิดนัดคือวันที่ 14 กรกฎาคม 2527 เป็นต้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคหนึ่งด้วย…”
พิพากษายืน.

Share