คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งชำระแล้ว อีกครั้งหนึ่งยังไม่ได้ชำระ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระ จำเลยให้การว่า กู้เงินโจทก์เพียงครั้งเดียวและชำระไปแล้ว เมื่อโจทก์รับว่าได้รับชำระหนี้แล้วแต่กล่าวอ้างว่าเป็นการรับชำระหนี้ตามสัญญากู้อีกฉบับหนึ่ง โจทก์จะต้องนำสืบก่อนในข้อนี้ เพราะทางฝ่ายจำเลยไม่ได้กล่าวข้อเท็จจริงอะไรขึ้นมาอีกเลย ถ้าให้จำเลยนำสืบก่อน จำเลยคงจะสืบแต่ปฏิเสธ ที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำสืบในข้อนี้ก่อน ผลของคดีก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่เกิดความเสียหายเพราะต่างฝ่ายต่างนำสืบมาครบถ้วนบริบูรณ์ด้วยกันแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์ ๑๕,๐๐๐ บาทเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๔๙๘ วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๐๔ โจทก์ได้ทวงถามจำเลยอ้างว่าได้ชำระหนี้ให้โจทก์แล้ว ความจริงการชำระหนี้ที่จำเลยอ้างนั้นเป็นการชำระหนี้ตามสัญญากู้อีกฉบับหนึ่ง โจทก์ได้คืนสัญญากู้ฉบับนั้นให้จำเลยไปแล้ว หนี้ตามสัญญากู้ที่โจทก์ฟ้อง จำเลยยังไม่ได้ชำระ
จำเลยให้การว่า ได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ดังสำเนาสัญญาท้ายฟ้องจริง และได้ทำสัญญากู้ฉบับนี้ฉบับเดียวไม่เคยทำสัญญากู้กับโจทก์รายใดอีก และได้ชำระแล้ว
วันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยรับแล้วว่าได้เซ็นสัญญากู้เงินให้โจทก์ไว้จริง และจำเลยอ้างว่าได้ชำระแล้วประเด็นหน้าที่นำสืบตกจำเลย ให้เลยสืบก่อน
ศาลชั้นต้นฟังว่า หนี้ไม่มีเหลืออีกแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในเบื้องต้นคดีฟังได้ตามคำฟังและตามที่โจทก์นำสืบว่า หนี้ตามสัญญาก็จำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท ที่จำเลยกู้ไปจากโจทก์นั้น โจทก์ได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว ประเด็นพิพาทของคดีจึงเหลือเพียงว่า หนี้ที่โจทก์ได้ชำระแล้วเป็นหนี้ตามสัญญากู้ฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องหรือเป็นหนี้ตามสัญญากู้ฉบับที่โจทก์คืนให้จำเลยไป และฝ่ายใดจะต้องนำสืบก่อน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๘๔ บัญญัติว่า “ถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกล่าวอ้างข้อเท็จจริงอย่างใด ๆ เพื่อสนับสนุนคำฟ้องหรือคำให้การของตน ให้หน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงนั้นตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่กล่าวอ้าง” ตามนัยของกฎหมายและคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าว โจทก์รับได้รับชำระหนี้แล้ว แต่กล่าวอ้างว่าเป็นการรับชำระหนี้ตามสัญญากู้อีกฉบับหนึ่ง โจทก์จะต้องนำสืบในข้อนี้ เพราะทางฝ่ายจำเลยไม่ได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงอะไรขึ้นมาอีกเลย ถ้าให้จำเลยนำสืบก่อน จำเลยคงจะสืบแต่ปฏิเสธ แต่อย่างไรก็ดี ที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำสืบในข้อนี้ก่อน ผลของคดีก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่เกิดความเสียหายเพราะต่างฝ่ายต่างนำสืบมาครบถ้วนบริบูรณ์ด้วยกันแล้ว
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า หนี้ที่โจทก์ได้รับชำระจากจำเลย เป็นหนี้ที่จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้ฉบับที่โจทก์นำมาฟ้อง
พิพากษายืน

Share