แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์นำเอาเครื่องหมายการค้าของจำเลยมาดัดแปลงเป็นเครื่องหมายการค้าของตน การที่โจทก์ใช้และขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสบู่หอมของโจทก์ แม้จะเป็นสินค้าต่างจำพวกกันกับสินค้านมของจำเลยก็ตาม ย่อมเป็นทางให้จำเลยเสียหายเพราะผู้ซื้ออาจหลงผิดว่าสินค้าของโจทก์เป็นสินค้าที่จำเลยเป็นผู้ผลิตขึ้นได้ การใช้สิทธิของโจทก์จึงเป็นการใช้สิทธิที่ไม่สุจริต (อ้างฎีกาที่ 38/2503)
ตราบใดที่จำเลย (ในสำนวนหลังซึ่งเป็นโจทก์ในสำนวนแรก)ยังกระทำละเมิดต่อเครื่องหมายการค้าของโจทก์อยู่ (โจทก์ในสำนวนหลังซึ่งเป็นจำเลยในสำนวนแรก)ย่อมฟ้องขอให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าและให้จำเลยเลิกใช้เครื่องหมายการค้าได้ ไม่ต้องห้ามมิให้ฟ้องร้องด้วยอายุความ
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้ศาลพิจารณาพิพากษารวมกัน
คดีแรกโจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าตราหมีซึ่งได้จดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าจำพวก 47 ตามคำขอเลขที่ 13820 โดยโจทก์ได้รับโอนสิทธิในเครื่องหมายการค้านี้มาจากบริษัทถ้วยทองอุตสาหกรรม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการอุตสาหกรรมสบู่และเป็นบริษัทเครือเดียวกันกับโจทก์ บริษัทโจทก์จึงได้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมสบู่สืบต่อมา โจทก์ได้นำเครื่องหมายการค้าตราหมีซึ่งมีรูปวัวกับนมวัวประกอบในภาพไปขอจดทะเบียนต่อกองเครื่องหมายการค้าอีก ตามคำขอเลขที่ 39386 แต่ไม่อาจจดทะเบียนได้ เพราะจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ได้นำเอาเครื่องหมายการค้าตราหมีตามคำขอเลขที่ 34286 ไปขอจดทะเบียนใช้กับสินค้าจำพวก 48 ทั้งจำพวกเสียก่อนแล้ว กองเครื่องหมายการค้ายอมรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้จำเลย ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าโจทก์มีสิทธิขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 34386 ในสินค้าจำพวก 48 ดีกว่าเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 34286 ของจำเลย ให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยดังกล่าวนั้นเสีย หากไม่สามารถบังคับให้เพิกถอนได้ทั้งจำพวกก็ขอให้มีคำสั่งจำกัดสิทธิแห่งการจดทะเบียนให้อยู่เฉพาะสินค้าอื่น ยกเว้นสินค้าสบู่หอม
คดีที่ 2 บริษัทเบอร์เนอราฟเทน มิลซเกเซลล์ซาฟท์ กลับเป็นโจทก์ฟ้องบริษัทสำอางค์โก้เก๋ จำกัด และบริษัทถ้วยทองอุตสาหกรรม จำกัด บ้างว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมผลิตนมและอาหารนม ตลอดจนสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้องส่งไปจำหน่ายทั่วโลก ใช้เครื่องหมายการค้ารูปหมีนั่งป้อนนมลูกด้วยขวดนม ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ทั่วโลกและในประเทศไทยกว่า 20 ปีแล้ว โจทก์ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “ตราหมี” ในจำพวกสินค้าที่ 47 ตามคำขอเลขที่ 34286 ต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า แต่ได้รับคำปฏิเสธที่จะจดทะเบียนให้ อ้างว่าเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้า “ตราหมี” ของจำเลยซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้วในสินค้าจำพวกเดียวกันตามคำขอเลขที่ 13820 ซึ่งเครื่องหมายการค้าของจำเลยดังกล่าวนั้น เป็นการจงใจเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์ ผิดกันเพียงหมีถือขวดนมกับถือก้อนสบู่เท่านั้น นอกจากนั้นจำเลยที่ 1 ยังได้ใช้เครื่องหมายการค้าตราหมีตามคำขอเลขที่ 39386 สำหรับสินค้าจำพวก 48 ในสบู่หอม จึงขอให้ศาลสั่งเพิกถอนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 13820 และให้จำเลยเลิกใช้เครื่องหมายการค้าตามคำขอ 13820 และคำขอเลขที่ 39386 ต่อไป
จำเลยในคดีแรกให้การว่า เครื่องหมายการค้ารูปหมีป้อนนมลูกด้วยขวดนมเป็นของจำเลยประดิษฐ์ขึ้น ในประเทศไทยจดทะเบียนตามคำขอเลขที่ 4479 สิทธิในการจดทะเบียนไม่ว่าในสินค้าใดย่อมดีกว่าจำเลย
จำเลยในคดีที่ 2 ให้การว่า เครื่องหมายการค้าตราหมีถือก้อนสบู่ตามคำขอเลขที่ 13820 ของจำเลยนั้น ได้จดทะเบียนครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2482 ในสินค้าสบู่สามัญ จำพวก 47 เครื่องหมายการค้าของจำเลยนี้เป็นรูปหมีนั่งถือก้อนสบู่ จึงแตกต่างกับรูปหมีที่นั่งป้อนนมลูก นอกจากนี้เครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 13820 ของจำเลยยังได้รับการจดทะเบียนก่อนโจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนตามคำขอเลขที่ 34285 หลายสิบปี จึงแสดงว่าโจทก์เป็นฝ่ายเลียนแบบของจำเลยมากกว่าทั้งเครื่องหมายการค้าตราหมีของโจทก์นั้นก็ใช้เฉพาะแต่กับอาหารนม โดยโจทก์ไม่เคยผลิตสบู่อันเป็นสินค้าจำพวก 47, 48 เลย คดีของโจทก์ยังขาดอายุความฟ้องร้องฐานละเมิดเพราะโจทก์หรือตัวแทนของโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่า จำเลยได้ใช้เครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 13820นี้ตลอดมาเป็นระยะเวลาเกินกว่าหนึ่งปีและสิบปีแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในคดีดำที่ 1148/2507(สำนวนคดีหลัง) และยกฟ้องโจทก์ในคดีดำที่ 4487/2506 (สำนวนคดีแรก)เฉพาะคำขอที่ให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 34286 ของจำเลยในคดีนั้นที่ได้จดทะเบียนสำหรับสินค้าจำพวก 48 และพิพากษาว่า โจทก์ในคดีดำที่ 4487/2506 (สำนวนคดีแรก) มีสิทธิขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 34386 ในสินค้าจำพวก 48 สบู่หอมได้
จำเลยในสำนวนคดีแรกและโจทก์ในสำนวนคดีหลังอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยในสำนวนคดีแรกและโจทก์ในสำนวนคดีหลังฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีทั้งสองสำนวนนี้คู่ความพิพาทกันว่า ใครจะมีสิทธิในเครื่องหมายการค้านั้นดีกว่ากันเท่านั้น ซึ่งก็เท่ากับว่าทั้งสองฝ่ายยอมรับแล้วว่าเครื่องหมายการค้าของทั้งสองฝ่ายนั้นเหมือนคล้ายกันอยู่แล้ว
สำนวนคดีแรก ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ได้นำเอาเครื่องหมายการค้าของจำเลยมาดัดแปลงเป็นเครื่องหมายการค้าของตน การที่โจทก์ใช้และขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสบู่หอมของโจทก์ แม้จะเป็นสินค้าต่างจำพวกกันกับสินค้านมของจำเลยก็ตาม ย่อมเป็นทางให้จำเลยเสียหาย เพราะผู้ซื้ออาจหลงผิดว่าสินค้าของโจทก์เป็นสินค้าที่จำเลยเป็นผู้ผลิตขึ้นได้การใช้สิทธิของโจทก์จึงเป็นการใช้สิทธิที่ไม่สุจริต ดังนัยที่ศาลฎีกาได้มีมติในที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ 38/2503 โจทก์ในสำนวนคดีแรกจึงจะขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและใช้เครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าของโจทก์ตามคำขอเลขที่ 39386 ในสินค้าจำพวก 48 (สบู่หอม) มิได้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิขอจดทะเบียนได้ จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลนี้ ฎีกาของจำเลยในสำนวนคดีแรกฟังขึ้น
ส่วนสำนวนคดีหลัง เมื่อได้ความตามที่จำเลย (คือโจทก์ในสำนวนคดีแรก) อ้างว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ขอจดทะเบียนใหม่สำหรับสินค้าจำพวก 48 (สบู่หอม) ตามคำขอเลขที่ 39386 มีลักษณะเป็นอย่างเดียวกันกับเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าจำพวก 47 (สบู่ซักผ้า) ตามคำขอเลขที่ 13820 ของจำเลยแล้ว กรณีก็ต้องฟังดังที่วินิจฉัยไว้ในสำนวนคดีแรกว่า การใช้และขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยตามคำขอเลขที่ 13820 นั้น เป็นการใช้สิทธิที่ไม่สุจริตด้วย โจทก์จึงฟ้องขอให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้า และให้จำเลยเลิกใช้เครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 13820 สำหรับสินค้าจำพวก 47 ได้ ไม่ต้องห้ามมิให้ฟ้องร้องด้วยอายุความ เพราะสิทธิฟ้องร้องของโจทก์ย่อมมีอยู่ตลอดไปตราบเท่าที่จำเลยยังกระทำละเมิดต่อเครื่องหมายการค้าของโจทก์อยู่
พิพากษาแก้ เป็นให้ยกฟ้องโจทก์คดีแรกที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 39386 ในสินค้าจำพวก 48 ได้นั้น เสียด้วย ส่วนสำนวนคดีหลังให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 13820 ของจำเลยและให้จำเลยเลิกใช้เครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 13820 และ 39386 ของจำเลยนั้นเสีย